ทัศนคติและความคาดหวังของหน่วยรับตรวจราชการในส่วนภูมิภาคต่อการกำกับติดตาม การปฏิบัติงานของหน่วยตรวจราชการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
คำสำคัญ:
ทัศนคติและความคาดหวัง, การตรวจตรา, หน่วยรับตรวจราชการบทคัดย่อ
การศึกษาเรื่องทัศนคติและความคาดหวังต่อการกำกับ ติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจราชการของหน่วยรับตรวจราชการในส่วนภูมิภาค สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาทัศนคติของหน่วยรับตรวจราชการต่อการกำกับติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจราชการ และเพื่อศึกษาความคาดหวังของหน่วยรับตรวจราชการต่อการพัฒนาระบบการตรวจราชการ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคือ หัวหน้าหน่วยราชการในส่วนภูมิภาค สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 396 หน่วย 396 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ ซึ่งได้กลับคืน จำนวน 285 ชุด โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความ สัมพันธ์ ด้วยค่า t-test ค่า F-test One-way ANOVA และการเปรียบเทียบความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธี Scheffe
ผลการศึกษา พบว่า ประชากรเป็นเพศหญิงและเพศชายในสัดส่วนใกล้เคียงกัน มีอายุระหว่าง 34–60 ปี อายุต่ำสุดคือ 34 ปี อายุสูงสุดคือ 60 ปี และมีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 46 ปี ระดับการศึกษาจบการศึกษาระดับปริญญาโท ตำแหน่งงานผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง/ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ส่งแบบสอบถามกลับมามากที่สุด ประสบการณ์ในการทำงานอยู่ระหว่าง 1-12 ปี มีประสบการณ์การทำงานน้อยที่สุด 1 ปี มากที่สุด 12 ปี โดยมีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งเฉลี่ย 5.6 ปี ภาพรวมของทัศนคติของหน่วยรับตรวจราชการในส่วนภูมิภาค ต่อการกำกับติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจราชการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรอบการตรวจราชการรอบที่ 1 รอบที่ 2 และรอบที่ 3 พบว่าเห็นด้วยในระดับมาก โดยเฉพาะการตรวจราชการ รอบที่ 2 ในประเด็นข้อเสนอแนะผู้ตรวจราชการ ในการดำเนินงานของหน่วยงาน ทำให้หน่วยงานต้องมีการทบทวนรูปแบบและวิธีการทำงานเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภาพรวมความคาดหวังต่อกระบวนการและเครื่องมือการตรวจราชการในพัฒนาการกำกับติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจราชการของหัวหน้าหน่วยงานในส่วนภูมิภาค พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความคาดหวังในระดับมากที่สุด ในด้านวิธีการทำรายงานการตรวจราชการ ในประเด็นวิธีการทำรายงานการตรวจราชการ ต้องไม่ยุ่งยากซับซ้อนและมีการบูรณาการหน่วยงาน ผลการศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้อมูลทั่วไปของกลุ่ม ตัวอย่างพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีเพศและอายุต่างกันมีระดับทัศนคติต่อกระบวนการกำกับติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจราชการที่แตกต่างกัน และกลุ่มตัวอย่างที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษาและตำแหน่งงานที่ต่างกัน มีระดับความคาดหวังต่อการพัฒนาการกำกับติดตามการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
ข้อเสนอแนะการศึกษาระดับนโยบาย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ควรกำหนด ให้การตรวจราชการเป็นกลไกหลัก หรือกระบวนการหลักในการกำกับติดตามการปฏิบัติงานในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อเป็นการตรวจสอบในภาพรวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการใช้งบประมาณ ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่ถึงมือกลุ่มเป้าหมาย การประเมินผล เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดสรรโครงการกิจกรรมและงบประมาณที่ลงถึงประชาชนในพื้นที่ ควรเพิ่มกฎกระทรวงให้ผู้ตรวจราชการสามารถให้คุณ ให้โทษ มีอำนาจหน้าที่และบทบาทสำคัญในการประเมินผลหน่วยงาน บุคลากร เพื่อให้มีการปฏิบัติงานในพื้นที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล
เอกสารอ้างอิง
กิ่งกาญจน์ ศิริบุญโกศัย. (2554). ความรู้ความเข้าใจ ทัศนคติต่อระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ 360
องศาและความผูกพันต่อองค์การของพนักงานโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขตห้วยขวาง (สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
แกมกาญจน์ อุ่นนันกาศ. (2552). ความคิดเห็นเกี่ยวกับการตรวจราชการแบบบูรณาการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตาม
นโยบายรัฐบาลของบุคลากรสำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (วิทยานิพนธ์
ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
จามรี ชุ่มทอง. (2555). บทบาทและอำนาจหน้าที่ในการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
(ภาคนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต) กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ฐิติกานต์ นิรามัย. (2555). ประสิทธิภาพการตรวจราชการในการติดตามและประเมินผลของผู้ตรวจราชการสำนัก
นายกรัฐมนตรี (ภาคนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต) กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ฤทธิเกียรติ ถาโคตร. (2555). ผู้บริหารสถานศึกษาที่ครูคาดหวัง (สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ:
มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
ทศพร ศิริสัมพันธ์. (2543). การพัฒนาระบบการตรวจราชการและผู้ตรวจราชการ. วารสารวิธีวิทยาการวิจัย,
(2), 201.
สุมิตรา อติศัพท์. (2558). การศึกษาประสิทธิภาพการตรวจราชการ แบบบูรณาการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์. ในรายงาน
การศึกษาเอกสารวิชาการส่วนบุคคล, หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.). กรุงเทพฯ: สถาบันดำรง
ราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย.
อัฏฐพล สุจินดานุพงศ์. (2556). ทัศนะของบุคลากรต่อการนำห่วงโซ่แห่งคุณค่ามาใช้ในการตรวจราชการของ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ:
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมภิวัฒน์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
