กระบวนการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรคในการจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
คำสำคัญ:
ครอบครัวอุปถัมภ์, การจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์, กระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์, ปัญหาอุปสรรคในกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์บทคัดย่อ
การศึกษาเรื่อง “กระบวนการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรคในการจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นต่อกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และศึกษาความคิดเห็นต่อปัญหาอุปสรรคในกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ระเบียบวิธีการศึกษา เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ ประชากรที่ศึกษาประกอบด้วย 3 กลุ่ม ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทั้งหมด 76 จังหวัด คือ (1) นักสังคมสงเคราะห์ (2) หัวหน้ากลุ่pมการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และ (3) พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งสิ้น 228 คน เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม มีการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การเปรียบเทียบรายคู่ และการใช้วิธี Scheffe
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 36 - 51 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาโท ตำแหน่งในหน่วยงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ มากกว่า 4 ปี ขึ้นไป และมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานบริการครอบครัวอุปถัมภ์ ระหว่าง 2 - 4 ปี ความคิดเห็นต่อกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด พบว่า เจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติตามกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ ประกอบด้วย 9 ขั้นตอน อยู่ในระดับมากที่สุด ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 การจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ ขั้นตอนที่ 2 การแสดงความจำนงขอรับอุปการะเด็กแบบครอบครัวอุปถัมภ์ ขั้นตอนที่ 3 การรับเรื่อง/ ตรวจสอบหลักฐาน/ สัมภาษณ์ข้อมูลเบื้องต้น ขั้นตอนที่ 4 การเยี่ยมบ้าน สอบสภาพความเป็นอยู่ ขั้นตอนที่ 5 การอนุมัติให้เป็นผู้อุปการะเด็กแบบครอบครัวอุปถัมภ์ ขั้นตอนที่ 6 แจ้งผลการอนุมัติให้ผู้อุปการะเด็กทราบ เป็นลายลักษณ์อักษร ขั้นตอนที่ 7 การติดตามการเลี้ยงดูเด็กแบบครอบครัวอุปถัมภ์ ขั้นตอนที่ 8 การรายงานการเลี้ยงดูเด็กแบบครอบครัวอุปถัมภ์ และขั้นตอนที่ 9 การยุติการอุปการะเด็กแบบครอบครัวอุปถัมภ์ สรุปผลการทดสอบสมมติฐาน อายุ ตำแหน่งในหน่วยงาน ประสบการณ์ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ และประสบการณ์ปฏิบัติงานบริการครอบครัวอุปถัมภ์ กับกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการศึกษาความคิดเห็นต่อปัญหาอุปสรรคในกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด พบว่า เจ้าหน้าที่มีปัญหาอุปสรรคในกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ อยู่ในระดับปานกลาง ประกอบด้วย บุคคล เงินทุน วัสดุอุปกรณ์ การจัดการ สรุปผลการทดสอบสมมติฐาน อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งในหน่วยงาน ประสบการณ์ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ และประสบการณ์ปฏิบัติงานบริการครอบครัวอุปถัมภ์ กับปัญหาอุปสรรคในกระบวนการดำเนินงานจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ข้อเสนอแนะจากการศึกษา (1) เสนอให้ปรับนโยบายเกี่ยวกับอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยค่าเลี้ยงดูเด็กที่อยู่ในการดูแลแบบครอบครัวอุปถัมภ์ตามความจำเป็น และให้เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ (2) หน่วยงานส่วนกลางควรคำนึงการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับกลุ่มเป้าหมาย (3) มีการจัดโครงการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานประเภทต่างๆ รวมถึงออกแบบคู่มือการจัดบริการครอบครัวอุปถัมภ์ให้สอดคล้องกับบริบทหน่วยงานส่วนภูมิภาค (4) มุ่งเน้นการลดจำนวนเด็กและเยาวชนในสถานรองรับของรัฐด้วยการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายผ่านการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ และ (5) หน่วยงานภูมิภาคควรพิจารณาทบทวนอัตรากำลังให้ปฏิบัติงานได้เหมาะสม รวมถึง (6) ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานร่วมกับเครือข่ายภายในพื้นที่
เอกสารอ้างอิง
กรมกิจการเด็กและเยาวชน. (2561). คู่มือการดำเนินงานครอบครัวอุปถัมภ์. กรุงเทพฯ : กลุ่มงานครอบครัวอุปถัมภ์, ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม กรมกิจการเด็กและเยาวชน.
พนัส หันนาคินทร์. (2544). หลักการบริหารการโรงเรียน. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช.
พัชชา เจิงกลิ่นจันทร์. (2556). กระบวนการปรับตัวและการอบรมเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นที่ต้องดูแลบุตรเพียงลำพัง : กรณีศึกษาผู้ใช้บริการของสหทัยมูลนิธิ. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
มยุรี ยกตรี. (2544). ผลสัมฤทธิ์ของการจ้างเอกชนเลี้ยงดูเด็ก: กรณีศึกษาสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์.(วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
ระเบียบกรมประชาสงเคราะห์ว่าด้วยการสงเคราะห์เด็กแบบครอบครัวอุปถัมภ์ พ.ศ. 2544. (2544, 27 พฤศจิกายน)ประกาศคณะปฏิวัติ. ฉบับที่ 294.
วนิดา บุญปก. (2558). การติดตามผลการเลี้ยงดูเด็กให้เป็นไปตามมาตรฐานการเลี้ยงดูเด็กขั้นต่ำของครอบครัวอุปถัมภ์ กรณีศึกษา สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
องค์การยูนิเซฟแห่งประเทศไทย และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2557). การศึกษาทบทวนด้านการเลี้ยงดูทดแทนในประเทศไทย : นโยบายสู่การปฏิบัติโดยมุ่งเน้นเด็กที่ได้รับผลกระทบจาก
เอชไอวี/เอดส์. เอกสารอัดสำเนา.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมภิวัฒน์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
