แนวทางการพัฒนาความรู้และความเข้าใจการเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรค รวมถึงการเสนอแนวทางการพัฒนาความรู้และความเข้าใจของการเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร วิธีวิจัยเป็นการศึกษาเชิงผสมผสาน โดยใช้การตอบแบบสอบถามเป็นการเก็บข้อมูลในเชิงปริมาณ และการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างสำหรับการเก็บข้อมูลในเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากนักเรียน ชั้นมัธยมทั้งหมด 500 คน จำแนกเป็นตามโรงเรียนขนาดใหญ่ในแต่ละแขวง ซึ่งใช้วิธีคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างของ ทาโร่ ยามาเน่ ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ และการสัมภาษณ์เก็บข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและด้านสถานที่เกิดเหตุ จำนวน 10 คน จากการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง ผลการวิจัยพบว่า ระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยทุกด้านของแนวทางการพัฒนาความรู้และความเข้าใจการเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาโดยภาพรวม มีค่าระดับความคิดเห็นมาก เมื่อพิจารณาปัจจัยแต่ละด้าน พบว่าปัจจัยทางด้านสื่อเทคโนโลยี มีค่าระดับความคิดเห็นมากที่สุด ส่วนด้านอื่น ๆ ลดลงตามลำดับ คือ ปัจจัยทางด้านสังคมและครอบครัว ปัจจัยด้านการจัดการเรียนการสอน และปัจจัยทางด้านการบริหาร จัดการสถานศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของผู้ให้สัมภาษณ์ นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจัยภูมิหลังของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ได้แก่เพศชาย, เพศหญิง, อายุช่วงวัย 12 - 18, ระดับการศึกษา และวิธีการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ส่งผลต่อปัจจัยทางด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา โดยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ในขณะที่ปัจจัยด้านอื่น ๆ ไม่มีความแตกต่างกัน สรุปปัญหาและอุปสรรคที่มีผลต่อแนวทางการพัฒนาความรู้และความเข้าใจการเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา คือปัจจัยทางด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา ได้แก่ การบริหารและนโยบายจัดการศึกษา การขาดผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารทางนิติวิทยาศาสตร์ในสถานศึกษา ส่วนแนวทางการพัฒนาความรู้และความเข้าใจการเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุ ในอนาคตนั้น จากผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยทางด้านสื่อเทคโนโลยี ควรนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจทางการเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุ และการเรียนรู้ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ในอนาคต