แนวทางการสอนคำเสริมภาษาไทยในฐานะภาษาที่สองตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้ แบบเน้นภาระงาน (Task based Learning) และแบบร่วมมือ (Cooperative Learning)
Main Article Content
บทคัดย่อ
คำเสริมจัดเป็นคำอนุภาคในภาษาไทยที่ปรากฏในตำแหน่งท้ายสุดของถ้อยคำเพื่อเสริมความหมายของการสื่อสารในแง่เจตนา อารมณ์ความรู้สึก และแสดงสถานภาพของคู่สนทนา ดังนั้นผู้เรียนภาษาไทยในฐานะภาษาที่สองต้องเข้าใจคำเสริมอย่างถูกต้องตามบริบทของสังคมไทย อันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้ภาษาไทยให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา ตลอดจนเกิดความเข้าใจอันดีต่อภาษาและวัฒนธรรมไทย ปัจจุบันการเรียนการสอนภาษามีเป้าหมายเพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะทางการสื่อสาร (Communicative Competency) โดยมีหลักการสำคัญคือให้ผู้เรียนสามารถเลือกใช้ถ้อยคำหรือรูปประโยคให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อสื่อความหมายตามการใช้ภาษาจริงของคนในสังคม จากการทำกิจกรรมเพื่อฝึกการใช้ภาษาที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริง ซึ่งการเลือกวิธีการสอนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงาน (Task based Learning) และการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) มีรูปแบบและวิธีการที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ร่วมกันฝึกฝนภาษาจากกิจกรรม การพูดคุยแลกเปลี่ยน หรือเรียกว่าภาระงานนั้น เป็นบทบาทสําคัญที่ส่งเสริมการเรียนรู้ แรงจูงใจ และช่วยส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการใช้คำเสริมภาษาไทยของผู้เรียนชาวต่างชาติได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กำชัย ทองหล่อ. (2540). หลักภาษาไทย (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: รวมสาส์น.
นววรรณ พันธุเมธา. (2559). ไวยากรณ์ไทย (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ: คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พัทธยา จิตต์เมตตา. (2559). เอกสารประกอบการอบรมการสร้างสื่อและแบบเรียนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
วิจินตน์ ภาณุพงศ์. (2537). โครงสร้างของภาษาไทย ระบบไวยากรณ์ (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคําแหง.
สรณบดินทร์ ประสารทรัพย์ และบำรุง โตรัตน์. (2561). การพัฒนารูปแบบการสอนแบบเน้นภาระงานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ และทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร. วารสารบัณฑิตศึกษา, 11(1), 70-81.
สุมินตรา มาคล้าย. (2558). การรับอนุภาคลงท้าย “นะ” และ “สิ” ของผู้เรียนภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง (วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาภาษาศาสตร์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
ศศิณัฏฐ์ สรรคบุรานุรักษ์. (2560). การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาจีนที่เน้นภาระงาน. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 9(ฉบับพิเศษ), 260-268.
อุดม วโรตม์สิกขดิตถ์. (2539). ไวยากรณ์ไทยในภาษาศาสตร์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคําแหง.
อุปกิตศิลปสาร, พระยา. (2545). หลักภาษาไทย (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
Basta, J. (2011). The Role of the Communicative Approach and Cooperative Learning in Higher Education. Linguistics and Literature, 2(9), 125-143.
Dorathy, A. (2011). Second Language Acquisition through Task-based Approach-Role-play in English Language Teaching. English for Specific Purposes World, 33(11), 1-6.
Ellis, R. (2003). Task-based Language Learning and Teaching. New York: Oxford University Press.
Fathman, A. and Kessler, C. (1993). Cooperative language learning in school context. Annual Review of Applied Linguistics, 13(2), 127-140.
Harley, Trevor. (2001). The Psychology of Language: From Data to Theory. East Sussex: Psychology Press.
Savignon, S. J. (1983). Communicative Competence: Theory and Classroom Practice Reading. Reading, MA: Addison-Wesley.
Searle, J. R. (1969). Speech Acts. Cambridge: Cambridge University Press.
Selivan, L. (2012). In response to Huge Dellar’s Dissing Dogme: In defence of TBL. Retrieved December 12, 2019, from http://leoxicon.blogspot.com/2012/05/in-defence-of-tbl.html
Smyth, D. (2002). Thai: An Essential Grammar. New York: Routledge.
Swain, M. (1998). Focus on form through conscious reflection. In C. Doughty, and J. Williams (Eds.), Focus on Form in Classroom Second Language Acquisition. New York: Cambridge University Press, 64-81.
Willis, J. (1996). A framework for task-based learning. London: Longman.