การศึกษาการจัดฉาก และภาพสะท้อนความน่าสะพรึงกลัว ผ่านอุดมการณ์ดิสโทเปีย ในภาพยนตร์ช่วงต้นศตวรรษที่ 21

Main Article Content

ชีวสิทธิ วีระเมธีกุล
ชนัญสรา อรนพ ณ อยุธยา

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดฉาก และภาพสะท้อนความน่าสะพรึงกลัวผ่านอุดมการณ์ดิสโทเปียในภาพยนตร์ช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ใช้การวิเคราะห์ตัวบท (Textual analysis) และเลือกกลุ่มตัวอย่างภาพยนตร์ดิสโทเปียจาก 4 มิติความน่าสะพรึงกลัว ได้แก่ มิติความเหลื่อมล้ำทางสังคม ภาพยนตร์เรื่อง In Time, มิติระบอบเผด็จการ ภาพยนตร์เรื่อง V for Vendetta, มิติความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาพยนตร์เรื่อง I, Robot และมิติภัยธรรมชาติ ภาพยนตร์เรื่อง Children of Men


การศึกษาพบว่าทั้ง 4 เรื่องมีลักษณะการจัดฉากด้านช่วงเวลาที่คล้ายกัน คือเวลากลางวันมักเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการถูกลิดรอนสิทธิจากกลุ่มผู้ปกครอง กลางคืนเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มผู้ปกครองจะทำการครอบงำผ่านการใช้ความรุนแรงต่าง ๆ เพื่อแสดงความน่าสะพรึงกลัว


ในส่วนสถานที่เป็นการวิพากษ์สังคมที่เพิกเฉย สภาพแวดล้อมถูกผสมผสานระหว่างสังคมแห่งความทันสมัย ความเสื่อมโทรมของอาคาร บ้านเรือน และความไร้ศีลธรรมที่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์ ความแร้นแค้นที่พยายามแสวงหาอิสรภาพจากสังคมที่กดขี่ทั้งในแง่การเมือง ความเหลื่อมล้ำ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่อง Children of men เป็นการสะท้อนถึงสังคมดิสโทเปียขั้นสูง กล่าวคือการดำเนินเรื่องที่ให้มนุษย์ใกล้สูญพันธุ์ โดยเป็นการสะท้อนผ่าน ช่วงเวลาเช้าตรู่ กลางวันแสก ๆ ฝุ่น ดินปืน เขม่าควัน ศพบนท้องถนน การก่อจลาจล และผู้อพยพ ฉะนั้นจึงเรียกว่า “Dark dystopian film”


ภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่องสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนสังคมในปัจจุบันที่ดำรงอยู่ของกลุ่มผู้ปกครองที่มีฐานะที่ควบคุมชนชั้นแรงงานผ่านการครอบงำ ผู้วิจัยเชื่อว่าภาพยนตร์ทำหน้าที่สอนให้คนในสังคมเชื่อเรื่อง “ศีลธรรมความเป็นมนุษย์” และติดตั้งเจตคติให้กับผู้ที่กระทำการขัดขืนของคนที่พยายามท้าทายอำนาจของความน่าสะพรึงกลัว ท้ายที่สุดอุดมการณ์หลักจะทำหน้าที่ปลูกฝังให้เชื่อและให้ทำตามหากขัดขืนจะถูกลงโทษสถานหนักจนถึงความตาย

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
วีระเมธีกุล ช. ., & อรนพ ณ อยุธยา ช. . (2022). การศึกษาการจัดฉาก และภาพสะท้อนความน่าสะพรึงกลัว ผ่านอุดมการณ์ดิสโทเปีย ในภาพยนตร์ช่วงต้นศตวรรษที่ 21. Asian Creative Architecture, Art and Design, 34(1), 130–147. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/archkmitl/article/view/255014
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กนกกาญจน์ รักชาติ และวรุณญา อัจฉริยบดี. (2562). ลักษณะสังคมของดิสโทเปียที่ปรากฏในรวมเรื่องสั้น “สิงโตนอกคอ”. (รายงานวิจัย สาขาวิชาภาษาไทย, มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา).

กำจร หลุยยะพงศ์ และสมสุข หินวิมาน. (2551). ภาพยนตร์ไทยในรอบสามทศวรรษ (พ.ศ. 2520-2547): กรณีศึกษาตระกูลหนังผี หนังรัก และหนังยุคสมัยใหม่. (รายงานวิจัย สำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย).

กำจร หลุยยะพงศ์. (2556). ภาพยนตร์กับการประกอบสร้างสังคม: ผู้คน ประวัติศาสตร์ และชาติ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

จอร์จ ออร์เวลล์. (2563). หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ : 1984. (รัศมี เผ่าเหลืองทอง และอำนวยชัย ปฎิพัทธ์เผ่าพงศ์, แปล.). กรุงเทพฯ: สมมติสำนักพิมพ์.

ฉลองรัตน์ ทิพย์พิมาน. (2539). วิเคราะห์โครงสร้างการเล่าเรื่องในภาพยนตร์อเมริกันที่มีตัวเอกเป็นสตรี. (วิทยานิพนธ์นิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย).

ปราง ศรีอรุณ และทอแสง เชาว์ชุติ. (2561). มหานครดิสโทเปียในอาชญนิยายญี่ปุ่นเรื่อง “ราตรีสีเลือด”.วารสารภาษาและวัฒนธรรม. 37(1), 141-156.

ศิริมิตร ประพันธุ์กิจ. (2551). ความสัมพันธ์ไทย-ลาวในสื่อบันเทิง: ศึกษากรณีการประกอบสร้างอัตลักษณ์ความเป็นลาวจากภาพยนตร์ “หมากเตะโลกตะลึง”. (วิทยานิพนธ์นิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย).

สุทธิชัย บุณยะกาญจน. (2533). การศึกษาเชิงวิเคราะห์นิยายวิทยาศาสตร์อเมริกันแนวดิสโทเปียในช่วงค.ศ. 1950 ถึง ค.ศ. 1972. (วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร์บัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).

สุรเดช โชติอุดมพันธ์. (2558). Literature: วรรณกรรมดิสโทเปีย Bangkok Creative Writing Workshop 4th. เข้าถึงได้จาก: https://www.youtube.com/watch?v=TQOiUAS9XPQ.

สุรเดช โชติอุดมพันธ์. (2558). ประชาไทรายงานพิเศษ: ต้นกำเนิด และอิทธิพล วรรณกรรมยูโทเปียและดิสโทเปีย. เข้าถึงได้จาก: https://prachatai.com/journal/2015/07/60233.

Boggs, J. M. and Petrie, D. W. (2003). The Art of Watching. 6th ed. New York: McGraw-Hill Companies.

Bourke, J. (2005). Fear: A Cultural History. London: Virago Press.

Demerjian, L. M. (2016). The Age of Dystopia: One Genre, Our Fear Our Future. United Kingdom: Cambridge Press.

Ene, M. (2016). There’s More to Fear than Fear Itself: Fears and Anxieties in the 21st Century “The Imaginary of Fear and Anxieties in Contemporary Dystopian Film”. Oxfordshire: Inter-Disciplinary Press.

Fisher, M. (2009). Capitalist Realism: Is There No Alternative?. Winchester: John Hunt Publishing Books.

Grant, B. K. (2007). Film genre: From Iconography to Ideology. New York: Wallflower Press.

Howard, R. & Lavers, A. (2013). Mythologies. United Kingdom: Hill and Wang.

Kellner, D. (2010). Cinema wars: Hollywood film and politics in the bush-cheney era. New Jersey: Wiley-Blackwell.

Kopievsky, M. (2017). Rebellion Divided Elements Book I. Australia: Kyrija Publishing. of Innocence. London: Routledge.

Peter, F. (2009). A short history of utopian studies. Science fiction studies Journal. 36(1), 126.

Philpott, S. & Mutimer, D. (2009). The United State of Amnesia: Us Foreign Policy and the Recurrence

Queenan, J. (2015). From insurgent to Bladerunner: Why Is the Future on Film Always So Grim?. The Guardian. Retrieve from: www.theguardian.com.

Richard, G. N. (2018). Imaging Race and Neoliberalism In young Adult Dystopian Cinema. (Master thesis, University of Lethbridge).

Tawada, Y. (2018). The Emissary. New York: New Direction Publishing.

The Standard. (2019). ดิสโทเปียไม่สิ้นหวัง อ่านเล่มไหนดี EP.31. Retrieved from: https://www.youtube.com/watch?v=2Tvcj1qKzGs.

Young, J. (2010). Friedrich Nietzsche: A Philosophical Biography. United Kingdom: Cambridge University Press.