เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อส่งบทความ

ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดรายการตรวจสอบการส่งทุกข้อ ดังต่อไปนี้ และบทความอาจถูกส่งคืนให้กับผู้แต่งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด

  • 1) บทความต้องไม่เคยเผยแพร่ที่ใดมาก่อน (ทั้งในและนอกประเทศ) หากเคยเผยแพร่ ต้องมีการอนุญาตพิมพ์ซ้ำเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของบทความ
  • 2) บทความต้องไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสื่อสิ่งพิมพ์อื่น
  • 3) บทความต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น
  • 14) ผู้เขียนโปรดปกปิดชื่อหรือข้อมูลที่ชี้นำหรือระบุตัวตนของท่านซึ่งอาจปรากฏในบทความ เช่น การอ้างอิงตัวท่านเองแทรกในเนื้อหา รายการอ้างอิง หรือกิตติกรรมประกาศ
  • 4) บทความทุกบทความที่ส่งมาจะได้รับการประเมิน และตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่น้อยกว่า 3 ท่านที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในสาขานั้น ๆ โดยผู้ทรงคุณวุฒิจะไม่ทราบชื่อและสังกัดของผู้เขียนบทความ (Double Blind)
  • 5) บทความนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ในแวดวงวิชาการ เช่น จากผลการวิจัย/ผลการศึกษา ระเบียบวิธีวิจัย/วิธีการศึกษา วิธีการเก็บข้อมูล หรือวิธีการวิเคราะห์
  • 6) บทความอธิบายแนวคิดหลักการหรือทฤษฎีเฉพาะทางที่เพียงพอต่อการสร้างกรอบตัวแปรหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการวิจัยหรือศึกษา
  • 7) บทความอธิบายระเบียบวิธีวิจัย (บทความวิจัย) ครอบคลุมขอบเขตการวิจัย ประชากร กลุ่มตัวอย่าง การเลือกจำนวนและขนาด วิธีการวิจัย เครื่องมือวิจัย วิธีการเก็บข้อมูล หรือวิธีการศึกษา (บทความวิชาการ) ครอบคลุมรูปแบบและวิธีการ ขอบเขตการศึกษา ลักษณะเฉพาะของตัวอย่างที่ศึกษา เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษา วิธีการเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
  • 8) ต้นฉบับที่ส่งมาต้องมีคุณภาพการเรียบเรียงเขียนภาษาไทยและหรือภาษาอังกฤษในระดับดี มีระบบการจัดการหัวข้อ เนื้อหา กระชับตรงประเด็นเข้าใจง่าย ไวยากรณ์และตัวสะกดถูกต้อง
  • 9) รูปแบบการจัดพิมพ์บทความถูกต้องตามกำหนดในรูปแบบอัตโนมัติและคำแนะนำสำหรับผู้เขียนบทความวิชาการ
  • 10) บทความควรมีความยาว 10-25 หน้า กระดาษ A4 รวมภาพประกอบ
  • 11) บทความภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ใช้ตัวอักษรชนิด TH-Sarabun-PSK
  • 12) บทความยึดถือรูปแบบการอ้างอิงในเนื้อหาบทความและในรายการอ้างอิงท้ายบทจาก การเขียนรายการอ้างอิง APA Style Reference List (7th edition)
  • 13) วารสารฯ ขอส่งคืนบทความที่ต้องปรับปรุงคุณภาพการเรียบเรียงภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไวยากรณ์และตัวสะกด ระบบการจัดการหัวข้อและเนื้อหาให้กระชับตรงประเด็นเข้าใจง่าย รูปแบบการจัดพิมพ์ให้ถูกต้อง ก่อนดำเนินการต่อไป
  • 15) บทความในลักษณะอื่น นอกเหนือจากรายละเอียดข้างต้นได้รับการพิจารณาจากกองบรรณาธิการเป็นกรณีเฉพาะ

หลักเกณฑ์และคำแนะนำสำหรับผู้เขียนบทความ
(Instructions for Authors)

1.  ประเภทของผลงานทางวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ
    1.1  บทความวิจัย (Research Article) ได้แก่ บทความการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ จากการตั้งสมมติฐาน หรือกำหนดปัญหา ระบุวัตถุประสงค์ ทบทวนงานวิจัย แนวคิดและทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการวิจัยตามระเบียบวิธีที่สอดคล้องวัตถุประสงค์ วิเคราะห์ข้อมูล ตีความ อภิปรายและสรุปผล
    1.2  บทความวิชาการ (Academic Article) ได้แก่ บทความการวิเคราะห์ วิจารณ์ เพื่อประมวลแนวคิดและองค์ความรู้ใหม่ ที่เรียบเรียงขึ้นจากผลงานทางวิชาการของตนเองหรือของผู้อื่น
    1.3 บทความปริทัศน์ (Review Article) ได้แก่ บทความที่รวบรวมความรู้จากตำรา หนังสือ และวารสารใหม่ หรือจากผลงานและประสบการณ์ของผู้นิพนธ์มาเรียบเรียงขึ้น โดยมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ วิจารณ์ เปรียบเทียบกัน


2. เนื้อหาของบทความ
    ประกอบด้วย
    2.1  ชื่อเรื่อง (Title)
สอดคล้องวัตถุประสงค์ ขอบเขตหรือผลการวิจัย กระชับ ตรงประเด็นและเข้าใจง่าย ขึ้นต้นด้วยชื่อเรื่องภาษาไทยตามด้วยภาษาอังกฤษ
    2.2  ชื่อผู้เขียนและหน่วยงานสังกัด (Authors)
          ระบุชื่อเต็ม-นามสกุลเต็มของผู้เขียนทุกคน หน่วยงานหรือสถาบันที่สังกัด ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ
    2.3  บทคัดย่อ (Abstract)
          ประกอบด้วยบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ความยาวไม่เกิน 350 คำ กระชับและตรงประเด็นครอบคลุมวัตถุประสงค์การวิจัย ระเบียบวิธีวิจัย วิธีการเก็บข้อมูล เครื่องมือวิจัย ประชากร กลุ่มตัวอย่างหรือผู้ให้ข้อมูลและผลการวิจัย (บทความวิจัย) หรือครอบคลุมวัตถุประสงค์การศึกษา วิธีการศึกษา และผลการศึกษา (บทความวิชาการ)
    2.4 คำสำคัญ (Keywords)
          กำหนดคำสำคัญที่เหมาะสมสำหรับเป็นคำค้นในระบบฐานข้อมูล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างละไม่เกิน 5 คำ
    2.5  บทนำ (Introduction)
          อธิบายถึงที่มา ความสำคัญของปัญหา และเหตุผลที่นำไปสู่การวิจัยหรือการศึกษา
    2.6  วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Aims) หรือการศึกษา (Study Aims)
          ระบุเป้าหมายของการวิจัยหรือการศึกษา หลีกเลี่ยงการระบุประโยชน์หรือผลที่คาดว่าจะได้รับ
    2.7  แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง (Related Concepts and Theories)
          การประมวลความคิดเชิงลึกจากการทบทวนแนวคิดและทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างกรอบการวิจัยหรือการศึกษาอย่างเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ สะท้อนการกำหนดปัจจัย ขอบเขต ระเบียบวิธีการ การเก็บหรือรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สรุปและนำมาเปรียบเทียบเมื่ออภิปรายผล
    2.8  ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology) หรือวิธีการศึกษา (Study Methodology)
          อธิบายกระบวนการวิจัยที่สะท้อนความน่าเชื่อถือของผลการวิจัย ประกอบด้วยรูปแบบและวิธีการวิจัย ประชากร กลุ่มตัวอย่างและการเลือก จำนวน ขนาด เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัย วิธีการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และสถิติที่ใช้ (ถ้ามี) อธิบายกระบวนการศึกษา (บทความวิชาการ) ประกอบด้วย รูปแบบและวิธีการศึกษา จำนวน ขนาด ลักษณะเฉพาะของตัวอย่างที่ศึกษา เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษา วิธีการเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
    2.9  ผลการวิจัย (Research Results) หรือผลการศึกษา (Study Results)
          ตีความการวิเคราะห์ผลการวิจัยหรือผลการศึกษาอย่างครอบคลุม และสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ และชี้ให้เห็นถึงการสร้างองค์ความรู้และประโยชน์ในเชิงวิชาการ
    2.10  การอภิปรายผล (Discussions)
          อธิบายผลการวิจัยหรือผลการศึกษาว่าสอดคล้องหรือขัดแย้งกับองค์ความรู้ หรือผลการวิจัยหรือผลการศึกษาของผู้อื่นมีอยู่ก่อนหรือไม่อย่างไร เหตุผลใดจึงเป็นเช่นนั้น พร้อมแทรกแหล่งอ้างอิงประกอบ
    2.11  การสรุปผลวิจัย (Conclusions)
          สรุปผลการวิจัยหรือผลการศึกษาอย่างสอดคล้องตามวัตถุประสงค์/สมมติฐาน (ถ้ามี)
    2.12  ข้อเสนอแนะ (Recommendations)
         เสนอแนะการใช้ประโยชน์ของผลการวิจัยหรือผลการศึกษา หรือทิ้งประเด็นคำถามเป็นแนวทางสำหรับการวิจัยหรือการศึกษาต่อไป
    2.13  กิติกรรมประกาศ (Acknowledgements)
         ระบุแหล่งทุนสนับสนุนหรือความช่วยเหลือการดำเนินการวิจัยหรือการศึกษา โดยลบข้อความที่เปิดเผยตัวตนและสังกัดของผู้เขียน
    2.14  การอ้างอิง (References)
         โปรดใช้รูปแบบการอ้างอิงตามที่อธิบายในไฟล์ชื่อ การเขียนรายการอ้างอิง APA Style Reference List (7th edition) บนเว็บไซต์ของวารสาร ฯ และแนะนำผู้เขียนใช้ไฟล์ชื่อ รูปแบบอัตโนมัติและคำแนะนำสำหรับผู้เขียนบทความวิชาการ บนเว็บไซต์ของวารสาร ฯ เป็นรูปแบบในการเขียนบทความ