การออกแบบภูมิทัศน์บริเวณจุดเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางในชุมชนท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วม : กรณี ชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ จังหวัดนครปฐม

Main Article Content

ฐปณี รัตนถาวร

บทคัดย่อ

การออกแบบภูมิทัศน์บริเวณจุดเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางภายในชุมชนท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วม กรณี ชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ จังหวัดนครปฐม โดยชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์เป็นชุมชนหนึ่งในพื้นที่ภาคกลางที่มีพื้นฐานมาจากการทำเกษตรกรรม ได้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อเปิดชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยการล่องเรือท่องเที่ยวทางน้ำ ภายใต้ชื่อว่า “ล่องเรือ...ชมสวนเลียบคลองมหาสวัสดิ์” ในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีชื่อเสียง จุดเริ่มต้นของเส้นทางล่องเรือท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่บริเวณวัดสุวรรณาราม ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมทั้งคนในชุมชนเข้ามาใช้จำนวนมาก เนื่องจากเป็นจุดที่มีเส้นทางสัญจรทั้งทางบก ทางน้ำและทางรางมาบรรจบกัน หรือเรียกว่า “จุดเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง” บทความนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาลักษณะทางกายภาพและลักษณะกิจกรรมบริเวณจุดเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางภายในชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ 2) เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพ ปัญหาทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพและลักษณะกิจกรรมบริเวณจุดเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางภายในชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ 3) เสนอแนวทางการออกแบบภูมิทัศน์บริเวณจุดเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วม ในชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ วิธีการวิจัยใช้ข้อมูลทุติยภูมิ การสำรวจพื้นที่ การสังเกตการณ์อย่างไม่มีส่วนร่วม การสัมภาษณ์เชิงลึก ร่วมกับการนำเสนอแนวความคิดในการออกแบบและแบบผังบริเวณผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม โดยวิธีการประชุมกลุ่มย่อยและการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากชาวชุมชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการวิจัยในระหว่างเดือนมกราคม - ธันวาคม พ.ศ. 2562 ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนนี้มีวัดเป็นจุดศูนย์กลางของจุดเปลี่ยนเส้นทางการสัญจร ดังนั้น การออกแบบได้กำหนดแนวคิดในการออกแบบให้เน้นเอกลักษณ์กลุ่มอาคารของวัดสำคัญในชุมชนให้เป็นที่หมายตาที่โดดเด่นสง่างาม ออกแบบปรับปรุงพื้นที่โล่งและพื้นที่ริมน้ำให้สอดคล้องกับผังอาคารสำคัญของวัด สามารถรองรับกิจกรรมการท่องเที่ยว กิจกรรมทางประเพณีวัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตริมน้ำของคนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดพื้นที่เป็น 8 ลานสำคัญ ได้แก่ ลานริมน้ำ ลานพิพิธภัณฑ์ ลานวัด ลานจอดรถ ลานโรงเรียน ลานสถานีรถไฟ ลานจอดรถชั่วคราว และลานพักผ่อนริมน้ำ โดยมีรายละเอียด คือ 1) ลานริมน้ำ กำหนดให้รองรับกิจกรรมหลากหลายประเภท เชื่อมต่อโดยตรงกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ส่งเสริมให้เป็น “จุดเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางหลักระหว่างบกและน้ำ" 2) ลานพิพิธภัณฑ์ กำหนดให้เป็นพื้นที่กิจกรรมสำคัญของชุมชน รองรับทั้งการเรียนรู้ การพบปะ และการท่องเที่ยว โดยทำหน้าที่เป็น "ศูนย์รวมกิจกรรม" และเป็นจุดเปลี่ยนผ่านระหว่างการเดินเท้ากับกิจกรรมริมคลอง 3) ลานวัด เป็นจุดศูนย์กลางเชิงสัญลักษณ์ การออกแบบเน้นแนวแกนหลักทางทิศเหนือ–ใต้ที่เชื่อมต่อกับท่าเทียบเรือและประตูทางเข้าวัด เพื่อเปิดมุมมองและฟื้นฟูแนวแกนประวัติศาสตร์เดิม ลานนี้มีบทบาท "เชื่อมโยงเส้นทางการสัญจรตามแนวแกนเหนือ–ใต้" 4) ลานจอดรถหลัก ทำหน้าที่เป็น "พื้นที่รองรับระบบการเดินทาง" สำหรับผู้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมีการจัดระบบพื้นที่จอดอย่างมีระเบียบ และมีองค์ประกอบภูมิทัศน์ที่สร้างบรรยากาศเชิงต้อนรับ ก่อนเข้าสู่พื้นที่ 5) ลานโรงเรียน เป็นพื้นที่อเนกประสงค์เชื่อมโยงระหว่างโรงเรียนกับวัด ทำหน้าที่เป็น "พื้นที่ใช้งานร่วมกัน" กับชุมชนโดยรอบ เสริมภาพลักษณ์เชิงบวกของบริเวณทางเข้า 6) ลานสถานีรถไฟ กำหนดให้เป็น "จุดเชื่อมต่อหลัก" ที่รองรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากภายนอกพื้นที่โดยรถไฟ มีบทบาทสำคัญในระบบ "เส้นทางสัญจรของพื้นที่แบบเน้นระบบขนส่งมวลชน" 7) ลานจอดรถชั่วคราว ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานในช่วงที่มีการจัดกิจกรรมประเพณีสำคัญ ซึ่งมีปริมาณยานพาหนะเข้าสู่พื้นที่สูงกว่าปกติ พื้นที่นี้กำหนดเป็น “ลานจอดเฉพาะกิจ” 8) ลานพักผ่อนริมน้ำ อยู่บริเวณเชิงสะพานซึ่งมีพื้นที่จำกัด การออกแบบจึงกำหนดให้มีพื้นที่พักคอยและเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามของวัด มีท่าเทียบเรือที่ปลอดภัยและขึ้น-ลงสะดวก ลานนี้ทำหน้าที่เป็น "พื้นที่เปลี่ยนผ่านทางภูมิทัศน์" ที่เชื่อมฝั่งชุมชนเข้ากับฝั่งวัดเข้าด้วยกัน โดยมีสรุปผลการวิจัยว่า ในการรักษาเอกลักษณ์ของชุมชนต้องมีการจัดทำคู่มือการออกแบบ มาตรการ ข้อกำหนด เทศบัญญัติหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ ตลอดจน เพื่อเป็นการควบคุมสภาพแวดล้อมและภูมิทัศน์ของพื้นที่ให้เกิดความมีระเบียบ สวยงาม สะดวกและปลอดภัยทั้งต่อผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือน ภายใต้มาตรการควบคุมและมาตรการส่งเสริมในการพัฒนาทางด้านกายภาพทางภูมิทัศน์ของชุมชน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
รัตนถาวร ฐ. (2025). การออกแบบภูมิทัศน์บริเวณจุดเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางในชุมชนท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วม : กรณี ชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ จังหวัดนครปฐม. Asian Creative Architecture, Art and Design, e278780. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/archkmitl/article/view/278780
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Arayanimitsakul, C. (2015). Plants in landscape architecture. Chulalongkorn University Press. (in Thai)

Arbter, K., Handler, M., Purker, E., Tappeiner, G., & Trattnigg, R. (2007). The public participation manual: Shaping the future together. Austrian Society for Environment and Technology. https://www.oegut.at/downloads/pdf/part_publ-part-manual.pdf

Bono, E. (1992). Teach your children how to think. Penguin Books.

Chulalongkorn University, Department of Landscape. (1988). Urban landscape development guideline for tourism. Tourism Authority of Thailand. (in Thai)

Chulasai, B. (2003). Environmental impact assessment & architectural design. Chulalongkorn University Printing House. (in Thai)

Clarke, B., & Harvey, N. (2008, May 4–10). Formal vs informal participatory EIA methods: A South Australian case study [Paper presentation]. The Art and Science of Impact Assessment, 28th Annual Conference of the International Association for Impact Assessment (IAIA08), Perth, Australia. https://conferences.iaia.org/2008/pdf/IAIA08Proceedings/IAIA08ConcurrentSessions/CS2-3_Participatory-EIA-South-Australia_Clarke.pdf

Denzin, N. K. (1970). The research act: A theoretical introduction to sociological methods (Methodological perspectives). Aldine Publishing Company.

Google. (n.d.). [Google map of “transit area” and tourism attraction in the community]. Retrieved April 10, 2019, from https://www.google.com/maps/@13.8153416

Hamilton Planning and Economic Development Department (HPEDD). (2012). City-wide corridor planning principles and design guidelines. https://www.hamilton.ca/sites/default/files/2022-04/pedpolicies-citywide-corridor-planningprinciples-designguidelines.pdf

Japan International Cooperation Agency. (2005). The comprehensive urban development programme in Hanoi Capital City of the Socialist Republic of Vietnam (HAIDEP). https://openjicareport.jica.go.jp/pdf/11856093_01.pdf

Kasampolkoon, A. (2016). Salaya district: Happy life travel and tourism. Samlada. (in Thai)

King Prajadhipok's Institute. (2004). Guidelines for assessing the involvement of the political community in decentralization context. King Prajadhipok's Institute. (in Thai)

Mumma, A. (2009). The link between traditional and formal legal systems. In W. Ndoro & G. Pwiti (Eds.), Legal framework for the protection of immovable cultural heritage in Africa (pp. 22–24). UNESCO World Heritage Centre.

Norberg-Schulz, C. (1971). Existence, space and architecture. Praeger.

Phasookniran, S. (1994). Design in the built environment. Prakaipruge. (in Thai)

Pinthong, J. (1983). Public participation in development. Saksopa. (in Thai)

Pujinda, P. (2007). Criticize city. Chulalongkorn University Printing House. (in Thai)

Rapeepat, A. (1988). Rural development problems: Lessons from the case of lifting the charter—Mae Klong River Basin Rural Development Project. Research and Development Institute, Khon Kaen University. (in Thai)

Rattanathavon, T., & Jittiwasurat, P. (2020). Development of agro-cultural tourism route based on spatial configuration analysis: The case of a rubber planting village, Songkhla Province, Thailand. Nakhara: Journal of Environmental Design and Planning, 18, 47–62. https://doi.org/10.54028/NJ2020184762 (in Thai)

Reid, G. W. (1987). Landscape graphics. The Architectural Press.

Rojanapradit, K. (2009). Roof garden design and the health landscape design principles [Master’s thesis, Silpakorn University]. Silpakorn University Repository. https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/12770 (in Thai)

Simonds, J. O. (1983). Landscape architecture: A manual of site planning and design. McGraw-Hill.

Simpson, B. J. (1994). Urban public transport today. E & FN Spon.

Siriphanich, S. (2011). Fundamental landscape. Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus. (in Thai)

Suchaya, C. (2009). Urban conservation. Amarin Printing and Publishing. (in Thai)

Thongngamkam, N. (2006). Spatial development guidelines for Phra Khanong and Onnut market area, Bangkok [Master’s thesis, Chulalongkorn University]. Chulalongkorn University, Bangkok, Thailand. https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2006.1879 (in Thai)

Wilcox, D. (2003). The guide to effective participation. Delta Press.

Yılmaz, S., & Mumcu, S. (2016). Urban green areas and design principles. In R. Efe, I. Curebal, A. Gad, & B. Toth (Eds.), Environmental sustainability and landscape management (Chapter 6, pp. 100–118). St. Kliment Ohridski University Press.