โครงการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นสะท้อนสังคม ครอบครัว และความรัก: ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “แม่ฉันคนดีที่ ๑”

Main Article Content

ประภัสสร เลิศอนันต์
รักศานต์ วรรณวัฑฒวงศ์

บทคัดย่อ

งานวิจัยสร้างสรรค์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสำรวจและถ่ายทอดความซับซ้อนของความสัมพันธ์ภายในครอบครัวไทยร่วมสมัย โดยเฉพาะระหว่างแม่กับลูกวัยรุ่นในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายใต้อิทธิพลของโลกาภิวัตน์ เทคโนโลยีดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงทางค่านิยม ครอบครัวไทยในอดีตทำหน้าที่เป็นรากฐานทางวัฒนธรรม อารมณ์ และสังคม โดยยึดถือความกตัญญู ความเชื่อฟัง และลำดับชั้นอำนาจ แต่ครอบครัวปัจจุบันกลับเผชิญช่องว่างทางความคิดและอารมณ์ โดยเฉพาะกับเยาวชนเจเนอเรชัน Z ที่เติบโตท่ามกลางการให้คุณค่ากับสิทธิส่วนบุคคล การตั้งคำถามต่อโครงสร้างอำนาจดั้งเดิม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นพื้นที่สร้างอัตลักษณ์ ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดความตึงเครียดระหว่างค่านิยมดั้งเดิมเรื่องความกตัญญูแบบไม่มีเงื่อนไขกับแนวคิดใหม่ที่เน้นความเสมอภาคและการสื่อสารอย่างเปิดเผย


ปัญหาวิจัยตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงว่า ความคาดหวังที่ไม่สมดุลและการขาดการสื่อสารเชิงอารมณ์นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “ความเงียบ” ซึ่งมิได้หมายถึงการไร้เสียงเท่านั้น แต่สะท้อนการกดทับ การหลีกเลี่ยง และบาดแผลทางใจที่ไม่ได้รับการเยียวยา แม้งานวิชาการด้านครอบครัวไทยในมุมสังคมวิทยา จิตวิทยา และวัฒนธรรมมีอยู่บ้าง แต่ยังขาดงานวิจัยเชิงสร้างสรรค์ในรูปแบบภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในรูปแบบภาพยนตร์สั้นแนวดราม่า


วัตถุประสงค์หลักสองประการคือ (1) ศึกษากระบวนการเขียนบทภาพยนตร์สั้นที่สะท้อนปัญหาครอบครัวร่วมสมัย โดยเฉพาะแม่กับลูกวัยรุ่น และ (2) ผลิตภาพยนตร์สั้นแนวดราม่าเพื่อถ่ายทอดปัญหาดังกล่าว งานนี้ใช้แนวทางวิจัยเชิงสร้างสรรค์ (Creative-Based Research) ผสานการผลิตงานศิลปะกับการวิเคราะห์ทางวิชาการ


กระบวนการวิจัยประกอบด้วยการศึกษาโครงสร้างการเล่าเรื่อง 3 แบบ ได้แก่ โครงสร้างตลก (Joke Structure) โครงสร้างสามองก์ (Three-Act Structure) และโครงสร้างทดลอง (Experimental Structure) เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างบท ช่วยสร้างจังหวะการเล่าเรื่องที่หลากหลาย และถ่ายทอดความเงียบ ความขัดแย้ง และการปรับตัวในครอบครัวไทย นอกจากนี้ยังศึกษากรณีตัวอย่างจากภาพยนตร์ต่างประเทศ เช่น Tokyo Story (1953), Be With You (2004), Village Photobook (2004) และ Still Walking (2008) เพื่อวิเคราะห์แนวทางการใช้บรรยากาศและสัญลักษณ์


กลุ่มเป้าหมายคือวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (16–30 ปี) ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นวิจัย เครื่องมือวิจัยได้แก่ (1) การเก็บและวิเคราะห์ความคิดเห็นผู้ชมจากการประเมินทั่วไป (Public Feedback) และ (2) การวิเคราะห์เนื้อหาความคิดเห็นออนไลน์ (Audience Comment Content Analysis) เพื่อสะท้อนการรับรู้และการตีความ ข้อมูลผู้ชมทั้งหมดที่ได้จากบริบทธรรมชาติถูกนำมาวิเคราะห์โดยไม่กำหนดจำนวนตายตัว โดยใช้หลักการ “ความอิ่มตัวของข้อมูล” (Data Saturation) เป็นเกณฑ์


ผลการวิจัยพบว่า การใช้ “ความเงียบ” สัญลักษณ์ และบทสนทนาที่มีนัยซ่อนเร้นสามารถกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดการสะท้อนคิดอย่างลึกซึ้งต่อความรัก ความคาดหวัง และการให้อภัยในครอบครัว ผู้ชมส่วนใหญ่ยืนยันว่าภาพยนตร์มีความสมจริงและสร้างความใกล้ชิดทางอารมณ์ นำไปสู่การตระหนักถึงปัญหาความเงียบในครอบครัวในมิติที่ซับซ้อนกว่าเดิม การผสมผสานโครงสร้างการเล่าเรื่องหลายแบบเข้ากับบรรยากาศเชิงทดลองยังช่วยสร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ที่เข้มข้น แม้ในกรอบของภาพยนตร์สั้น


องค์ความรู้ที่ได้คือ ภาพยนตร์สั้นแนวดราม่าไม่เพียงทำหน้าที่เพื่อความบันเทิง แต่ยังสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการเปิดประเด็น สนทนา และสื่อสารทางอารมณ์ภายในครอบครัว อีกทั้งศิลปะภาพยนตร์ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางสังคมและวัฒนธรรมที่ช่วยเยียวยาบาดแผลและสร้างความเข้าใจระหว่างรุ่น


สิ่งใหม่ที่ค้นพบคือ การใช้ “ความเงียบ” ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นข้อจำกัด สามารถทำหน้าที่เป็น “ภาษาใหม่” ในการสื่อสารเชิงอารมณ์ กระตุ้นการตีความที่ลึกซึ้ง ภาพยนตร์ยังเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมรุ่นใหม่ โดยเฉพาะวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น สะท้อนเสียงที่ถูกกดทับ ขณะเดียวกันผู้ชมบางส่วนยังเข้าใจมุมมองของแม่ แสดงให้เห็นว่าการเล่าเรื่องที่สมดุลสามารถสร้าง “สะพานทางอารมณ์” เชื่อมโยงเจเนอเรชันที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ การผสมผสานโครงสร้างการเล่าเรื่องทั้งสามแบบเข้ากับภาพ เสียง และโทนเฉพาะ ยังช่วยสร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ที่สมจริงและเข้มข้น สะท้อนว่านวัตกรรมด้านการเล่าเรื่องสามารถสร้างวิธีใหม่ในการสื่อสารประเด็นที่ละเอียดอ่อนในครอบครัวร่วมสมัย


โดยสรุป งานวิจัยนี้ไม่เพียงเติมเต็มช่องว่างในงานศึกษาครอบครัวไทยเชิงทฤษฎี แต่ยังเสนอแนวทางใหม่ในการใช้ภาพยนตร์สั้นแนวดราม่าเป็นสื่อกลางเพื่อการเรียนรู้ การเยียวยา และการสร้างความเข้าใจร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างการใช้ศิลปะภาพยนตร์เป็นเครื่องมือทางสังคมและวัฒนธรรมที่สามารถประยุกต์ได้ทั้งในแวดวงวิชาการและการสื่อสารสาธารณะ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เลิศอนันต์ ป., & วรรณวัฑฒวงศ์ ร. (2025). โครงการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นสะท้อนสังคม ครอบครัว และความรัก: ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “แม่ฉันคนดีที่ ๑”. Asian Creative Architecture, Art and Design, e282042. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/archkmitl/article/view/282042
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Bennett, T. (2005). Culture and everyday life. Sage. https://uk.sagepub.com/en-gb/eur/culture-and-everyday-life/book209619

Bordwell, D., & Thompson, K. (2013). EBOOK: Film art: An introduction. McGraw-Hill. https://books.google.co.th/books?id=CIZvEAAAQBAJ

Bowman, J. D. (2013). Storytelling and sustainability: Research project for sustainability storytelling. Academia.

Bruner, J. (1990). Acts of meaning. Psychological Medicine, 22(2), 531. https://doi.org/10.1017/S0033291700030555

Charon, J. M. (2007). Symbolic interactionism: An introduction, an interpretation, an integration (9th ed.). Pearson Education. https://books.google.co.th/books?id=XtXdQwAACAAJ

Cheung, H. (2022). Re-defining stigmatization: intersectional stigma of single mothers in Thailand. Journal of Family Studies, 29(3), 1222–1248. https://doi.org/10.1080/13229400.2022.2035797

Department of Mental Health. (2022). Annual mental health report 2022. Ministry of Public Health, Thailand.

Farrell, W. C., & Phungsoonthorn, T. (2020). Generation Z in Thailand. International Journal of Cross Cultural Management, 20(1), 25–51. https://doi.org/10.1177/1470595820904116

Field, S. (2005). Screenplay: The foundations of screenwriting. Delta. https://archive.org/details/screenplaythefoundationsofscreenwritingrevisedupdatedsydfield2005

Fincham, F. D., & Mayito, G. R. (2007). The psychology of forgiveness and family relationships. Journal of Family Theory & Review, 9(2), 123–138. https://doi.org/10.1111/jftr.12100

Giroux, H. A. (2002). Breaking in to the movies: Film and the culture of politics. Wiley-Blackwell. https://www.wiley.com/en-us/Breaking+in+to+the+Movies%3A+Film+and+the+Culture+of+Politics-p-9780631226048

Harkness, S., & Super, C. M. (1992). Parental ethnotheories in action. In I. E. Sigel, A. V. McGillicuddy-DeLisi, & J. J. Goodnow (Eds.), Parental belief systems: The psychological consequences for children (2nd ed., pp. 373–391). Lawrence Erlbaum Associates, Inc.

Ipsos. (2024). Global attitudes toward family and well-being 2024. Ipsos.

Jenkins, H. (2006). Convergence Culture: Where Old and New Media Collide. NYU Press. http://www.jstor.org/stable/j.ctt9qffwr

Lambert, J., & Hessler, B. (2018). Digital Storytelling: Capturing Lives, Creating Community (5th ed.). Routledge. https://doi.org/10.4324/9781351266369

McKee, R. (1997). Story: Substance, structure, style, and the principles of screenwriting. HarperCollins. https://dn790001.ca.archive.org/0/items/RobertMcKeeStorypdf/Robert%20McKee%20-%20Story%20%28pdf%29.pdf

National Institute of Mental Health. (2021). Suicide prevention: Facts and resources. Department of Health and Human Services.

Office of Policy and Strategy. (2020). Thailand population and housing statistics 2020. Ministry of Public Health.

Pew Research Center. (2015). Family support in a changing world. Pew Research Center.

Radstone, S., & Schwartz, J. M. (2006). Memory, narrative, identity: Remembering the self. Memory Studies, 1(2), 161–179.

Rhucharoenpornpanich, O., Chamratrithirong, A., Fongkaew, W., Rosati, M. J., Miller, B. A., & Cupp, P. K. (2010). Parenting and adolescent problem behaviors: A comparative study of sons and daughters in Thailand. Journal of the Medical Association of Thailand, 93(3), 293–300. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/jmat/article/view/32702

Riessman, C. K. (2008). Narrative methods for the human sciences. SAGE. https://uk.sagepub.com/en-gb/eur/narrative-methods-for-the-human-sciences/book226139

Wiwatsinudom, R. (2015). Kan khian bot phapayayon banthoeng [Feature film screenwriting]. 21 Century Co., Ltd. https://www.car.chula.ac.th/display7.php?bib=2042497 (in Thai)