มาตรฐานห้องปฏิบัติการทางด้านอาหารตามแนวทางของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรณีศึกษา ความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาความพึงพอใจต่อห้องปฏิบัติการทางด้านอาหารที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ ศึกษาความพึงพอใจต่อวัสดุและอุปกรณ์ ครุภัณฑ์เครื่องครัวที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ ศึกษาความพึงพอใจต่องานระบบเทคนิคภายในห้องปฏิบัติการทางด้านอาหารที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ และศึกษาความพึงพอใจต่อการบำรุงรักษาวัสดุและอุปกรณ์ ครุภัณฑ์เครื่องครัวที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ ประชากรการวิจัย คือ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาและบุคคลภายนอกทั่วไป จำนวน 233 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง พื้นที่เป้าหมาย คือ ห้องปฏิบัติการด้านอาหาร ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกตการณ์ ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า มาตรฐานห้องปฏิบัติการทางด้านอาหารมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจมากกว่าความไม่พึงพอใจ ซึ่งเป็นประเด็นการตั้งคำถามของการวิจัยในครั้งนี้ และพบว่า 1) การบำรุงรักษาวัสดุและอุปกรณ์ ครุภัณฑ์เครื่องครัว 2) วัสดุและอุปกรณ์ ครุภัณฑ์เครื่องครัว 3) งานระบบเทคนิคภายในห้องปฏิบัติการทางด้านอาหาร และ4) การออกแบบห้องปฏิบัติการทางด้านอาหารมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจ โดยภาพรวมของการวิจัยในครั้งนี้ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับพอใจมากที่สุด ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดจากเกณฑ์การวัดผลคะแนนที่ได้ และจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพที่ตอบแบบสัมภาษณ์ พบว่า ความคิดเห็นของทุกท่านมีความเห็นในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ซึ่งการตอบข้อคำถามสมมติฐานทั้ง 4 สมมติฐาน การตอบที่เห็นด้วยคือ การออกแบบห้องปฏิบัติการทางด้านอาหารนั้นมีคุณภาพตั้งแต่แรก สิ่งที่ควรปรับปรุงคือ ตัวแปรวัสดุและอุปกรณ์ ครุภัณฑ์เครื่องครัว โดยเฉพาะดัชนีงานระบบระบายอากาศดี-อากาศเสีย ที่มีปัญหาและมีเสียงดังรบกวนขณะสาธิต บรรยายการเรียนการสอน จึงต้องแก้ไขปรับปรุง ส่วนตัวแปรด้านอื่นๆ ก็แสดงถึงความมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งและตอบโจทย์งานวิจัยครั้งนี้
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 โรงเรียนการเรือนสวนดุสิต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวัฒนธรรมอาหารไทย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของโรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ห้ามผู้ใดนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากโรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นอกจากนี้ เนื้อหาที่ปรากฎในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์