การฟื้นฟูการศึกษาภาษาอังกฤษในภาวะถดถอยทางการเรียนรู้หลังโรคระบาด ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในจังหวัดยะลา ประเทศไทย: กรณีศึกษา
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบในทางลบต่อการเรียนรู้ของ นักเรียนชนบทในประเทศไทย นักการศึกษาได้ค้นหาวิธีการใหม่ ๆ ใน การฟื้นฟูสภาพการเรียนรู้ของพวกเขา เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะการเรียนรู้ ถดถอย ขณะเดียวกันครูมีการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ เปลี่ยนไปของนักเรียน ทั้งนี้ในช่วงสถานการณ์โรคระบาด นักเรียนส่วน ใหญ่ใช้เวลามากเกินไปกับความบันเทิงทางอินเทอร์เน็ตเมื่อว่างเว้นจาก การเรียนออนไลน์ งานวิจัยนี้ใช้วิธีการแบบผสมผสานทั้งการวิจัยเชิง คุณภาพและเชิงปริมาณในการตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษา 1) วิธีการสอนของครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา แห่งหนึ่ง ในจังหวัดยะลา ซึ่งครูได้เปลี่ยนมาใช้พอดแคสต์เพื่อพัฒนา ทักษะการฟังของนักเรียนหลังจากการเรียนการสอนกลับสู่สภาวะปกติ ในห้องเรียน 2) ผลของการใช้พอดคาสต์เป็นเครื่องมือดิจิทัลในการ พัฒนาทักษะการฟังของนักเรียน และ 3) ความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยว กับการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แบบ พอดคาสต์ มีการวิเคราะห์โดยอาศัยข้อมูลที่รวบรวมในช่วงภาคการเรียน ที่ 2 (เดือน ธันวาคม 2565-กุมภาพันธ์ 2566) จากครูและนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 31 คน ของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาแห่ง หนึ่งในชนบทจังหวัดยะลา โดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การ วิจัย พบว่า ครูใช้เครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัย คือ พอดแคสต์เพื่อพัฒนา ทักษะการฟังของนักเรียน รูปแบบการสอนของครูส่งผลให้นักเรียนเป็น ฝ่ายตั้งรับมากกว่าการมีส่วนร่วมในการสอน อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษา พบความแตกต่างของคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลัง เรียน พบว่า ค่า t = 18.32 ซึ่งมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากข้อมูล เชิงคุณภาพ ในการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียน พบว่า ความจริงจัง ของครูในการสอนทำให้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีขึ้นอย่างมากหลัง การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมพอดแคสต์ นักเรียนที่เรียนผ่านกิจกรรมการ เรียนรู้พอดแคสต์มีความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้ของครูในระดับ มาก (= 4.34, S.D. = 0.76) การศึกษาสรุปว่า การสอนโดยใช้พอดแค สต์ของครูสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ที่ถดถอยและกระตุ้นความ สนใจของนักเรียน แต่ครูควรสนับสนุนนักเรียนให้มีส่วนร่วมในการ อภิปรายด้วยความคิดเห็นเชิงวิจารณ์และเชิงสร้างสรรค์
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- ผู้เขียนต้องยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กองบรรณาธิการวารสารกำหนด และผู้เขียนต้องยินยอมให้บรรณาธิการ แก้ไขความสมบูรณ์ของบทความได้ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเผยแพร่
- ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียน แต่วารสารเทคโนโลยีภาคใต้คงไว้ซึ่งสิทธิ์ในการตีพิมพ์ครั้งแรก โดยเหตุที่บทความนี้ปรากฏในวารสารที่เข้าถึงได้จึงอนุญาตให้นำบทความไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา แต่มิใช่เพื่อการพาณิชย์
เอกสารอ้างอิง
Exelmans, L., & Van den Bulck, J. (2016). Bedtime mobile phone use and sleep in adults. Social Science & Medicine, 148, 93-101.
Doff, A., & Oxford, R. L. (1993). Listening. In Language Skills and Communication (pp. 205-220). Routledge.
Eady, M. J., & Lockyer, L. (2013). Tools for Teaching and Learning in the Digital Age. Pearson Higher Education AU.
Ellis, R. (2003). Task-based Language Learning and Teaching. Oxford University Press.
Freeman, S., Eddy, S. L., McDonough, M., Smith, M. K., Okoroafor, N., Jordt, H., & Wenderoth, M. P. (2015). Active learning increases student performance in science, engineering, and mathematics. Proceedings of the National Academy of Sciences, 112(23), 201423831.
Gay, G. (2000). Culturally Responsive Teaching: Theory, Research, and Practice. Teachers College Press.
Gonulal, T. (2020). Improving listening skills with extensive listening using podcasts and vodcasts. International Journal of Contemporary Educational Research, 7(1), 311-320.
Gunawan, M. H., Mandiri, I. C. P., Suherdi, D., Hanifa, E. S. D., & Gunawan, A. P. (2023). Exploring EFL students’ perceptions of the use of podcast/TED talk in extensive listening class. Indonesian EFL Journal, 9(1), 43-52.
Hattie, J., & Timperley, H. (2007). The power of feedback. Review of Educational Research, 77(1), 81–112.
Pinno, K., Khakitkosol, A., Attanatwong, A., & Chaisaeng, A. (2010). Enhancing EFL learners’ listening comprehension through strategy instruction embedded in EFL curriculum. International Journal of Humanities and Social Science, 1(14), 148-157. [in Thai]
Kirschner, P. A., & Karpinski, A. C. (2010). Facebook® and academic performance. Computers in Human Behavior, 26(6), 1237-1245.
Ladson-Billings, G. (1995). But that’s just good teaching! the case for culturally relevant pedagogy. Theory into Practice, 34(3), 159-165.
McCarthy, M., & O’Dell, F. (2008). English Vocabulary in use: Upper-intermediate. Cambridge University Press.
Osterman, K. F., & Kottkamp, R. B. (1993). Reflective Practice for Educators: Improving Schooling Through Professional Development. Corwin Press.
Putri, A. R., & Apriliani, A. (2023, March). Students’ perceptions of podcasts as a learning media to improve their listening skill. In Proceedings Virtual English Education Students Conference (VESCO) (Vol. 1, No. 1). http://ejournal.unsub.ac.id/index.php/vesco.
Roorda, D. L., Koomen, H. M. Y., Spilt, J. L., & Oort, F. J. (2011). The influence of affective teacher-student relationships on students’ school engagement and achievement: A meta-analytic approach. Review of Educational Research, 81(4), 493-529.
Schraw, G., & Dennison, R. S. (1994). Assessing metacognitive awareness. Contemporary Educational Psychology, 19(4), 460-475.
Stipek, D. (1996). Motivation and instruction. In D. C. Berliner & R. C. Calfee (Eds.), Handbook of educational psychology (pp. 85–113). Macmillan.
Wang, Q., & Chen, H. (2017). Improving English listening comprehension through interactive strategies: An action research study. English Language Teaching, 10(8), 1-10.
