การศึกษาอำนาจของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ประจำเขตพื้นที่การศึกษา (อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา) กรณี อำนาจในการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
คำสำคัญ:
อนุกรรมการข้าราชการครู, บุคลากรทางการศึกษา, เขตพื้นที่การศึกษา, การดำเนินการทางวินัย, ความเป็นอิสระและความเป็นกลางบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัย อำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา ในการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มีบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นอิสระขององค์กรควบคุมตรวจสอบการใช้อำนาจดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา ไม่เป็นอิสระจากอำนาจบังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร ส่งผลให้การใช้ดุลพินิจพิจารณาไม่เป็นกลาง ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรกลางในการควบคุมตรวจสอบการดำเนินการทางวินัย ขัดต่อหลักความเป็นกลางในการพิจารณาอุทธรณ์ ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัย ต้องพิจารณาว่าเป็นวินัยร้ายแรงหรือไม่ ถ้าไม่ร้ายแรงก็ต้องพิจารณาว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะหรือไม่ ถ้ามีวิทยฐานะก็ต้องเป็นผู้อำนวยการเขต แต่ถ้าไม่มีวิทยฐานะก็จะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนั้น ๆ ถ้าเป็นวินัยร้ายแรงจึงจะให้เป็นอำนาจของ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษาในการพิจารณาลงโทษ
ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ (1) ควรกำหนดให้แยกองค์กรที่ใช้อำนาจกับองค์กรบริหารงานบุคคลออกจากกัน คณะกรรมการควรให้บุคคลที่มีความรู้ด้านกฎหมายมหาชนหรือกฎหมายปกครองเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ (2) ควรกำหนดให้กระบวนการพิจารณาอุทธรณ์แยกออกจากกระบวนการบริหารงานบุคคล และ (3) กำหนดให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประจำเขตพื้นที่การศึกษา ในการดำเนินการทางวินัยทั้งวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เอกสารอ้างอิง
Ekkaboon Wongsawasdikul. (1991). Judicial control of administrative discretion in Thailand [Master’s thesis, Thammasat University].
Jamnong Klaiphan. (1997). Discretion in interpreting, adjusting laws, and imposing disciplinary sanctions: A case study on serious disciplinary offenses causing severe damage to government service [Master’s thesis, Ramkhamhaeng University].
Kamolchai Rattanasakawong. (1989). Basic concepts of administrative discretion in the Federal Republic of Germany. Journal of Administrative Law, 8, 5.
Office of the Teachers’ Civil Service and Educational Personnel Commission (OTEP). (2011). Compilation of laws and regulations on personnel management for teachers and educational personnel. Bangkok: OTEP, Ministry of Education.
Rongphon Charoenphan. (1978). The use of discretion in German law. Thammasat Law Journal, 9(4), 17.
Royal Institute. (2013). Royal Institute Dictionary B.E. 2554 (2011). Bangkok: Nanmee Books Publications.
Somyot Chueathai. (1987). Administrative acts. Thammasat Law Journal, 17(3), 50–51.
Teachers and Educational Personnel Act B.E. 2547 (2004). (December 23, 2004). Royal Gazette, 121 (Special Part 79Kor), 22–23.
Thaworn Kiattatubthiw. (2006). Explanation of administrative law, administrative court, administrative cases, and administrative procedures. Bangkok: Nitibannakarn.
Worajet Pakeerut. (2011). General Administrative Law. Bangkok: Nitirat.
Worapoj Wisarutphichit. (1989). Judicial control of administrative discretion. Journal of Administrative Law, 8, 37–38.
Worapoj Wisarutphichit. (2002). The principle of legality in administrative acts. In Administrative Law Study Guide. Bangkok: The Institute of Legal Education of the Thai Bar Association.
Wuttichai Jittanu. (2006). The application of the principle of proportionality in the protection of individual rights. Journal of the Constitutional Court, 8(22), 44–45.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร ทั้งนี้ ข้อมูล เนื้อหา และข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว กองบรรณาธิการไม่มีความจำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
เนื้อหา ข้อมูล รูปภาพ และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารฯ อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น การนำไปเผยแพร่ ดัดแปลง หรือใช้ประโยชน์ในลักษณะใด ๆ ไม่ว่าเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารก่อน