การเปรียบเทียบประสิทธิผลรูปแบบการตลาดเชิงเนื้อหา ผ่านระบบโฆษณา (Facebook Ads) จากการติดปุ่มกระตุ้นความสนใจ (Call to Action) เพื่อสร้างจำนวนผู้เข้าชม (Traffic) เว็บไซต์ธุรกิจสินค้า Gadget กรณีศึกษา pivotmore360.com The Effectiveness of Content Marketing Through Facebook Ads Using Call to Action Button to Generate Website Traffic: A Case Study of Pivotmore360.com
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษารูปแบบการตลาดเชิงเนื้อหา (Content Marketing) ที่มีประสิทธิผล และมีส่วนช่วยกระตุ้นความสนใจของกลุ่มเป้าหมายให้เกิดการเข้าชมเว็บไซต์ pivotmore360.com และ 2) เพื่อศึกษาวิธีการติดปุ่มกระตุ้นความสนใจ (Call to Action) ผ่านระบบโฆษณา (Facebook Ads) เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) การวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental-Based Research) และวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) โดยการศึกษารูปแบบคอนเทนต์ (Content Marketing) และนำเสนอเป็นรูปภาพและบทความ ผ่านระบบโฆษณา (Facebook Ads) เพื่อทำให้การนำเสนอรูปแบบคอนเทนต์ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นผ่านค่าใช้จ่ายโฆษณา และสามารถสร้างปุ่มกระตุ้นความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายให้เกิดการดำเนินการ (Call to Action) เพื่อจุดประสงค์เพิ่มจำนวนผู้เข้าชม โดยการนำเสนอรูปแบบโฆษณานั้น ผู้วิจัยได้แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1) โฆษณารูปแบบ Single Image Ads และ 2) โฆษณารูปแบบ Carousel Ads เพื่อโปรโมตสินค้า และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับ แบรนด์
ผลการทดลองเปรียบเทียบประสิทธิผลของรูปแบบคอนเทนต์ จากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทดลอง ดังนี้ 1) อาศัยในประเทศไทย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 2) อายุ 20-40 ปี เพศชาย 3) ความสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ โดยการเก็บข้อมูลจากเครื่องมือ Facebook Ads Manager พบว่า โฆษณารูปแบบ Single Image Ads มีประสิทธิผลที่ดีกว่าโฆษณารูปแบบ Carousel Ads เนื่องจากเป็นโฆษณารูปแบบรูปภาพเดี่ยว ที่โดดเด่นสะดุดตา และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า จากการแสดงผล (Impression) จำนวน 31,293 ครั้ง การเข้าถึง (Reach) จำนวน 10,561 ครั้ง จำนวนคลิกลิงก์ที่ไม่ซ้ำกัน (Unique Link Clicks) 62 คลิก และจำนวนการคลิกลิงก์ (Link Clicks) 63 คลิก ซึ่งการสร้างสรรค์รูปแบบคอนเทนต์ที่มีคุณค่า ผ่านระบบโฆษณานั้น มีส่วนช่วยกระตุ้นความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และสามารถสร้างจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้จริง
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
รายละเอียดของลิขสิทธ์