รูปแบบการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ กรณีศึกษา บริษัท ยู-อินดัสเทรียล เทค จำกัด
คำสำคัญ:
คำสำคัญ: รูปแบบการจัดการความรู้ การจัดการความรู้ ธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสภาพและปัญหาในการจัดการความรู้ และองค์ความรู้ที่จำเป็นของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ (2) สร้างรูปแบบการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ และ (3) ประเมินรูปแบบการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ โดยแบ่งขั้นตอนการวิจัยออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ (1) ศึกษาสภาพและปัญหาในการจัดการความรู้และองค์ความรู้ที่จำเป็นในองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ โดยการสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างกับ ผู้บริหาร ผู้จัดการ และหัวหน้างาน และพนักงานในองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ จำนวน 30 คน (2) สร้างรูปแบบการจัดการความรู้สำหรับพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ โดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นต่อข้อความที่สร้างขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 18 คน โดยใช้เทคนิคเดลฟาย 3 รอบ (3) การประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ โดยผู้ทรงคุณวุฒิภายในองค์กร และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกองค์กร จำนวน 7 คน และประเมินความพึงพอใจของพนักงานที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ โดยผู้ใช้รูปแบบฯ ได้แก่ ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายวิศวกรรม/บริการ และฝ่ายไอที/ฝ่ายซัพพอต จำนวน 40 คน
ผลการวิจัย สรุปได้ดังนี้
- สภาพการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ จำแนกตามกระบวนการการจัดการความรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การแสวงหาความรู้ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานจาก Google, Website, Web page ต่าง ๆ ทั้งภายในองค์กรและนอกองค์กร (2) การสร้างความรู้จากประสบการณ์ หรือความเชี่ยวชาญการปฏิบัติงานทำให้ความรู้เพิ่มมากขึ้นจากการต่อยอดความรู้เดิมให้เป็นความรู้ใหม่ (3) การจัดเก็บและเข้าถึงความรู้ File, Word, Excel, Power point, PDF, รูปภาพ คลิปวีดีโอ เก็บไว้ ใน Computer และ External Hard disk (4) การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ ใช้สื่อ Social Media เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงให้ทุกคนสามารถเข้ามาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ เช่น Facebook, Line, E-Mail, Website, Web Page, Outlook และ (5) การเรียนรู้ นำความรู้จากประสบการณ์ในการทำงาน แก้ไขปัญหามาออกแบบวิธีการ/แนะนำ/ปรับปรุงในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
ปัญหาการจัดการความรู้ของพนักงานในองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ จำแนกตามกระบวนการการจัดการความรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การแสวงหาความรู้ ขาดแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับความรู้ของฐานข้อมูลองค์กรที่เป็นศูนย์ข้อมูลกลาง (2) การสร้างความรู้ ในองค์กรขาดการจัดอบรม/สัมมนา อย่างต่อเนื่องทำให้พนักงานไม่สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ได้ (3) การจัดเก็บและเข้าถึงความรู้ ยังไม่มีศูนย์กลางในการจัดการระบบ ระเบียบของข้อมูล (4) การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ ไม่มีศูนย์กลางในการบริหารจัดการความรู้ และ (5) การเรียนรู้ ขาดการแยกแยะข้อมูลและการกรองข้อมูล ความรู้ต่าง ๆ ก่อนนำไปใช้หรือสร้างเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินงานขององค์กร
องค์ความรู้ที่จำเป็นของพนักงานในองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ จำนวน 4 ฝ่าย ได้แก่ (1) ฝ่ายการตลาด คือ ทักษะด้านการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของตลาด (2) ฝ่ายขาย คือ เทคนิคการขาย (3) ฝ่ายวิศวกรรม/บริการ คือ ความรู้ด้านไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และ (4) ฝ่ายไอที/ซัพพอต คือ ทักษะด้าน Network Sever และ Internet
- สร้างรูปแบบการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ ตามกระบวนการจัดการความรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ การแสวงหาความรู้ การสร้างความรู้ การจัดเก็บและเข้าถึงความรู้ การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ และการเรียนรู้ ประกอบด้วย ร่างรูปแบบการจัดการความรู้ผ่านเว็บไซต์ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) ที่พนักงานทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาความรู้ สร้างความรู้ จัดเก็บ แลกเปลี่ยนความรู้ และเรียนรู้ โดยผู้ใช้งานจะมี User และ Password ของแต่ละคน พร้อมคู่มือการใช้รูปแบบการจัดการความรู้
- ผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ และผู้บริหารทางด้านการบริหารและการจัดการความรู้ มีความเห็นว่า รูปแบบการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ ด้านโครงสร้างและองค์ประกอบของการจัดการความรู้ในเว็บไซต์ และด้านการจัดเก็บและเข้าถึงความรู้ และด้านการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ และด้านการเรียนรู้ มีความเหมาะสม ร้อยละ 100 ด้านการแสวงหาความรู้ ร้อยละ 96.42 ซึ่งรูปแบบการจัดการความรู้ ฯ มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด และผลการประเมินความพึงพอใจของพนักงานที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการความรู้ของพนักงานองค์กรธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
คำสำคัญ: รูปแบบการจัดการความรู้ การจัดการความรู้ ธุรกิจผู้ผสมผสานรวมระบบ
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ. (2548). การจัดการความรู้จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: ผู้แต่ง.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (2553). คู่มือคำอธิบายตัวชี้วัดการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553. กรุงเทพมหานคร: ซีโนพับลิชวิ่ง (ประเทศไทย)
Beccerra-Fernandez, I., Gonzalez, A., & Sabherwal, R. (2004). Knowledge management: Challenges, solutions and technologies. Upper Saddle River, NJ: Prentice Hall.
Bharadwaj, A. S. (2000). A resource-based perspective on information Technology capability and firm performance: an empirical investigation, MIS Quarterly, 24(1), 69-96.
Braun, P. (2002). Digital knowledge networks: linking communities of practice with innovation, Journal of Business Strategies, 19(1), 43-52.
Construction Variety Online. (2018). (online): https://www.constructionvariety.com/16526929
Davenport, T. H. & Prusak, L. (2000). Working knowledge: How organizations manage what they know (2nd ed.). Boston: Harvard Business School Press.
Marquardt, M. J. (1996). Building the learning organization: A systems approach to quantum improvement and global success. New York: McGraw-Hill.
Polanyi, M., & Nonaka, I. (1991). The knowledge creating company. New York: Harvard Business School.
Turban, E., Mclean, E., & Wetherbe, J. (2006). Information technology for management: Transforming business in the digital economy. New York: John Wiley & Sons.
Wiig, K. (1993). Knowledge management foundations: Thinking about Thinking: How people and organizations create, Represent and Use Knowledge. Arlington, TX: Schema Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว

