ข้อเสนอเชิงนโยบายในการกำหนดมาตรการและแนวทางการปฏิบัติ ต่อผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญ
คำสำคัญ:
ข้อเสนอเชิงนโยบาย, ผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญ (Watch List)บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยเรื่องข้อเสนอเชิงนโยบายในการกำหนดมาตรการและแนวทาง การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงการกำหนดนิยามลักษณะของผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญหรือเป็นภัยต่อสังคม เพื่อศึกษาการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อพิจารณาจำแนกกลุ่มผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญหรือเป็นภัยต่อสังคมในประเทศไทยและเพื่อพัฒนาการกระบวนการและแนวทางปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญหรือเป็นภัยต่อสังคมโดยการใช้การศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ การค้นคว้าเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึก
ผลการวิจัยพบว่า นิยามลักษณะของผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญหรือเป็นภัยต่อสังคม ได้ว่าหมายถึง “กลุ่มผู้ต้องขังที่มีลักษณะพฤติกรรมการกระทำผิดที่อาชญากรกระทำด้วยความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อเหยื่อ ผู้เสียหายและสังคมจนเกิดความหวาดกลัว” โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิดในลักษณะความผิด ได้แก่ ข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ฆ่าข่มขืนหรือข่มขืนในลักษณะทารุณโหดร้าย ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโดยสันดาน กระทำผิดซ้ำซากรุนแรง ฆาตกรโรคจิต ฆาตกรที่มีพฤติกรรมโหดร้ายทารุณ (ฆ่าเด็ก/ฆาตกรรมหมู่) ควรมีมาตรการและแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างจากผู้ต้องขังทั่วไป เพื่อเป็น
การเฝ้าระวังภัยและผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำผิดซ้ำ ความสำเร็จของการกำหนดมาตรการและแนวทางในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไข ปัจจัยที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของ
การกำหนดมาตรการและแนวทางในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ได้แก่ การตรากฎหมายเฉพาะ การกำหนดแนวทางปฏิบัติที่มีความชัดเจน การบูรณาการความร่วมมือและภาคีเครือข่ายระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
กรมราชทัณฑ์. (2561). คู่มือการจัดโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังตามลักษณะแห่งคดีและพฤติการณ์การกระทำผิด. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ราชทัณฑ์.
กรมราชทัณฑ์. (2562ก). หนังสือประทับตราการประเมินตามแบบจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง. นนทบุรี: ผู้แต่ง.
กรมราชทัณฑ์. (2562ข). ประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การพักการลงโทษ พ.ศ. 2562. นนทบุรี: ผู้แต่ง.
กรมราชทัณฑ์ . (2563). จำนวนผู้ต้องขัง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ราชทัณฑ์.
กัญญ์ฐิตา ศรีภา. (2562). จิตวิทยาอาชญากรรมการวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรรม ความผิดปกติทางจิตและฆาตกรรม. นครปฐม: ภูมิการพิมพ์.
จอมเดช ตรีเมฆ. (2561). CRIMINOLOGY. ปทุมธานี: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต.
นัทธี จิตสว่าง. (ม.ป.ป.). หลักทัณฑวิทยา: หลักวิเคราะห์ระบบงานราชทัณฑ์
(พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: มูลนิธิพิบูลสงเคราะห์ กรมราชทัณฑ์.
นัทธี จิตสว่าง. (2564). ควรติด EM ที่ “ใจ” ของผู้ต้องขังกลุ่มคดีร้ายแรง 7 ประเภท (Watch List). สืบค้นจาก https://www.chulacriminology.com/index.html
พรชัย ขันตี, ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และ อัศวิน วัฒนวิบูลย์. (2543). ทฤษฎี และงานวิจัยทางอาชญาวิทยา. กรุงเทพฯ: บุ๊คเน็ท.
พรชัย ขันตี, จอมเดช ตรีเมฆ และ กฤษณพงศ์ พูตระกูล. (2558). ทฤษฎีอาชญาวิทยา: หลักการ งานวิจัย และนโยบายประยุกต์. กรุงเทพฯ: ส.เจริญการพิมพ์.
เพลินใจ แต้เกษม และคณะ. (2556). การจัดทำมาตรการในการแก้ไขและบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังในเขตควบคุมพิเศษ. กรุงเทพฯ: บพิธการพิมพ์.
สฤษดิ์ สืบพงษ์ศิริ. (2560). แผนประทุษกรรมกับลายเซ็นอาชญากรรมของคนร้าย: ความเหมือนที่แตกต่าง. วารสารวิชาการอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์, 3(2), 37-52.
เอกมล ลวดลาย. (2563). มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดคดีร้ายแรงที่มีลักษณะสะเทือนขวัญ. สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม.
Abuza, Z. (2009). The rehabilitation of Jemaah Islamiyah detainees in South East Asia: A preliminary assessment. In T. Bjørgo and J. Horgan (Eds.), Leaving terrorism behind: Individual and collective disengagement (pp. 193-211). New York: Routledge.
Austin, J. and McGinnis, K. (2004). Classification of high-risk and special management prisoners a national assessment of current practices. Retrieved from file:///C:/Users/ZZZ/Downloads/451773%20(2).pdf
Australian Institute of Criminology. (2003). In Crime Reduction that matters. Retrieved from https://aic.gov.au/publications/crm/crm001
Australian Institute of Criminology. (2017). Crime Prevention Approaches: Theory and Mechanisms. Retrieved from https://aic.gov.au/publications/rpp/rpp120/crime-prevention-approaches-theory-and-mechanisms
Beccaria, C., and Voltaire. (1770). An essay on crimes and punishments. London: F. Newbery.
Becker, H. S. (1963). Outsiders: Studies in the Sociology of Deviance. New York: Free Press.
Bentham, J. (1970). An Introduction to Principle of Morals and Legislation, in J.H. Burns & H.LA. Hart, eds. The Collected Works of Jeremy Bentham. London: Athlone Press.
Bjorgo, T., Horgan, J., (eds). (2009). Leaving Terrorism Behind: Individual and Collective Disengagement. New York: Routledge.
Ferri, E. (1884). Criminal Sociology. New York: Agathon Press.
Hirschi, T. (1969). Causes of Delinquency. Berkeley, CA.: University of California Press.
Fox, J. A., & Levin, J. (2005). Extreme killing: Understanding serial and mass murder. Thousand Oaks, CA: Sage
Justice Inspector of Custodial Services. (2015). Lifers: classification and regression. Retrieved from http://www.custodialinspector.justice.nsw. gov.au/Documents/Lifers%20Classification%20and%20regression.pdf
Law Revision Commissioner. (2008). The penal code and subsidiary legislation. Retrieved from http://agc.gov.ms/wp-content/ uploads/2010/02/penal_code.pdf
Lombroso, C. (1911). Criminal man. New York: Putnam.
Office for National Statistics. (2018). The nature of violent crime in England and Wales: year ending March 2018. Retrieved from https://www.ons.gov.uk/releases/thenatureofviolentcrimeinenglan dandwalesyearendingmarch2018
Sutherland, E. H. (1947). Principles of Criminology (4th ed.). Philadelphia: Lippincott.
Thailand Institute of Justice (TIJ). (2017). A comparative study of treatment of prisoners and non-custodial Measures in ASEAN. Retrieved from https://knowledge.tijthailand.org/en/ publication/detail/36#book/
United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization. (2016). A Teacher’s Guide on the Prevention of VIOLENT EXTREMISM. Retrieved from https://en.unesco.org/ sites/default/files/lala_0.pdf
United Nations. (2016). Handbook on the management of high-risk prisoners. Retrieved from file:///C:/Users/ZZZ/Downloads/ HB_on_High_Risk_Prisoners_Ebook_appr%20(1).pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผลงานที่ตีพิมพ์ในวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอสงวนสิทธิในการเผยแพร่ผลงานที่ตีพิมพ์ในแบบรูปเล่มและทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
บทความหรือข้อความคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนโดยเฉพาะ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ