ความรอบรู้ทางสุขภาพจิตและแนวทางการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตของนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ทางสุขภาพจิต, การสนับสนุนด้านสุขภาพจิต, นักศึกษาบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรอบรู้ทางสุขภาพจิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปาง และเพื่อศึกษาแนวทางการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง โดยใช้การเก็บข้อมูลด้วยวิธีการเชิงปริมาณและคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณเก็บข้อมูลด้วยด้วยแบบสอบถามออนไลน์ แบบสอบถามความรอบรู้ทางสุขภาพจิตทั้งฉบับมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.83 ในกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปาง ปีการศึกษา 2563 จำนวน 325 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ และการวิจัยเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลด้วยการสนทนากลุ่มจำนวน 14 คน จากการเลือกแบบเจาะจง เป็นประธานกรรมการนักศึกษาแต่ละคณะ แล้วใช้การเลือกแบบสโนว์บอลล์จากประธานกรรมการนักศึกษาแต่ละคณะไปยังผู้ให้ข้อมูลสำคัญ
ผลการศึกษาข้อมูลเชิงปริมาณ พบว่า ระดับของความรอบรู้ทางสุขภาพจิต พบว่า ในภาพรวมกลุ่มตัวอย่างมีความรอบรู้ทางสุขภาพจิตรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 79.08 (S.D. =8.87) เมื่อพิจารณาระดับความรอบรู้ในแต่ละด้าน พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความรู้แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยทางจิตอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยคะแนนเท่ากับ 15.66 (S.D. = 2.34) และด้านอื่น ๆ อยู่ในระดับปานกลางทั้งหมด ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับโรคหรืออาการทางจิต มีค่าเฉลี่ยคะแนนเท่ากับ 8.54 (S.D. = 1.78) ความรู้เกี่ยวกับการรับการรักษาหรือบรรเทาความเจ็บป่วยทางจิต มีค่าเฉลี่ยคะแนนเท่ากับ 5.72 (S.D. = 1.12) ด้านความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิต มีค่าเฉลี่ยคะแนนเท่ากับ 30.95 (S.D. = 5.89) และด้านทัศนคติเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยทางจิต มีค่าเฉลี่ยคะแนนเท่ากับ 24.75 (S.D. = 5.21) และผลการศึกษาเชิงคุณภาพ พบว่า แนวทางการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตของนักศึกษาต้องการ คือ การอบรมให้ความรู้ด้านสุขภาพจิต การส่งเสริมการประเมินสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง การประชาสัมพันธ์ให้เกิดความเข้าใจต่อภาพลักษณ์เชิงบวกต่อผู้ป่วยและบริการการให้การปรึกษาทางสุขภาพจิตมีให้กับนักศึกษา ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพจิต รณรงค์ในระดับคณะและมหาวิทยาลัยเพื่อลดการตีตราผู้ที่ป่วยจิตเวชหรือผู้มีปัญหาทางสุขภาพจิต มีสวัสดิการสำหรับนักศึกษาที่มีอาการป่วยทางจิต รวมถึงการเพิ่มความถี่ของเวลาและ ช่องทางในการให้การปรึกษาออนไลน์ หรือระบบโทรศัพท์
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2562). กรมสุขภาพจิต ห่วงวัยรุ่นเยาวชนไทยมีภาวะซึมเศร้า แนะคนรอบข้างรับฟังอย่างเข้าใจ. สืบค้นจาก https://new.camri.go.th/
กรมสุขภาพจิต. (2562). "โรคซึมเศร้า" ทำใจพัง เช็กลิสต์สาเหตุและอาการ, สืบค้นจาก https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30114
เชษฐา แก้วพรม และคณะ (2557) . ความฉลาดทางสุขภาพจิตของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษาสองตำบลในพื้นที่อำเภอขลุง จันทบุรี. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 8(1), 10-16.
ณัฐวุฒิ อรินทร์. (2553). ตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจที่จะขอรับความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตจากนักวิชาชีพสุขภาพจิตของนิสิตมหาวิทยาลัย. วารสารพฤติกรรมศาสตร์, 16(1), 82-101.
ณัฏฐภัณฑ์สัณฑ์ ศรีวิชัย วราภรณ์ บุญเชียง และ พิมพ์ชนก เครือสุคนธ์. (2563). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้สุขภาพจิต ความผาสุกทางจิตใจ และ
ความเหงาในนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่. มนุษยศาสตร์สาร, 22(1), 144-161.
นุสรา นามเดช. (2561). ความรอบรู้ทางสุขภาพจิต ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดสระบุรี. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 11(3), 125-138.
ปรารถนา สวัสดิสุธา และคณะ. (2559). การจัดการกับความเครียดของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 61(1), 41-52.
วัชราพร เชยสุวรรณ. (2560). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ:แนวคิดและการประยุกต์สู่การปฏิบัติการพยาบาล. วารสารแพทย์นาวี, 44(3), 183–197.
อรุโณทัย ปาทาน และสิริมา มงคลสัมฤทธิ์. (2563). ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมความรอบรู้ด้านการดูแลสุขภาพจิตผู้สูงอายุของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เทศบาลเมืองปทุมธานี. วารสารพฤติกรรมศาสตร์เพื่อการพัฒนา, 12(2), 215-231.
Allen, L., Brett, M., Brooker, A., Field, R., James, R., and Wyn, J. (2016). A Framework Promoting Student Mental Well-being in Universities student wellbeing. edu.au.
Auttama, N, Seangpraw K, Ong-Artborirak, P. & Tonchoy, P. (2019). Factors Associated with Self-Esteem, Resilience, Mental Health, and Psychological Self-Care Among University Students in Northern Thailand. J Multidiscip Healthc. 2021(14), 1213-1221
Debra, Rickwood, Frank, P. Deane, Coralie, J. Wilson & Joseph, Ciarrochi (2005) Young people’s help-seeking for mental health problems, Australian e-Journal for the Advancement of Mental Health, 4:3, 218-251, DOI: 10.5172/jamh.4.3.218
Dizon, A. Alvin Ryan (2019). Students’ Mental Health Literacy of One State University as Basis for Strategic Action Areas. Asia Pacific Journal of Multidisciplinary Research, 7(3), 48-55.
Dougas, V.A. (1984). The psychological proesses implicated in A.D.D. In L.M. indale (Ed.), Attention deficit disorder: Diagnostic, cognitive and theraputic understanding. NY: Speutrum.
Douglas, A. Spiker & Joseph, H. Hammer. (2019). Mental health literacy as theory: current challenges and future directions, Journal of Mental Health, 28:3, 238-242, DOI:10.1080/09638237. 2018.1437613
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
Nasser, Aloud, & Amena, Rathur (2009) Factors Affecting Attitudes Toward Seeking and Using Formal Mental Health and Psychological Services Among Arab Muslim Populations, Journal of Muslim Mental Health, 4(2), 79-103, DOI:10.1080/15564900 802487675
O'Connor, M., Casey, L. (2015). The Mental Health Literacy Scale (MHLS): A new scale-based measure of mental health literacy. Psychiatry Research, 229(1), 511-516.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผลงานที่ตีพิมพ์ในวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอสงวนสิทธิในการเผยแพร่ผลงานที่ตีพิมพ์ในแบบรูปเล่มและทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
บทความหรือข้อความคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนโดยเฉพาะ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ