Integrated Buddhist Leadership Development for the Leadership of Women Politicians in Lamphun Province
Main Article Content
Abstract
The research aimed to 1) study the leadership of female politicians, 2) study the factors affecting the development of leadership of female politicians, and 3) guideline for developing integrated Buddhist leadership for the leadership of female politicians in Lamphun Province. The sample group consisted of 400 people in Lamphun Province. The instrument had a reliability value of .887. The statistics used for data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, Pearson's product moment correlation coefficient, and stepwise multiple regression. In-depth interviews were conducted with 18 individuals, content analysis, and focus group discussions were conducted with 10 individuals to confirm the knowledge gained.
The research results found that:
1) The leadership of female politicians in Lamphun Province was found to be at a high level overall, and transparency was at a moderate level.
2) The leadership factors according to Buddhist principles that affected the leadership of female politicians in Lamphun Province were found to be at a high level overall, followed by personal factors such as marital status and educational qualifications. The relationship with the leadership of female politicians in Lamphun Province is at a low level. The variables of gender, age, occupation, and average monthly income are not related to leadership. Therefore, the first hypothesis is accepted. The main factors of the Brahmaviharas Dhamma, namely loving-kindness, compassion, and mudita, are at a moderate level related to overall leadership. As for equanimity, the relationship with overall leadership is at a low level. Therefore, the second hypothesis is accepted. 3) The guideline for developing integrated Buddhist leadership for the leadership of female politicians in Lamphun Province by integrating the Brahmaviharas Dhamma principles found that 1) the principle of loving-kindness includes setting policies to take care of all involved people without leaving anyone behind. 2) the principle of compassion includes establishing a team to solve problems in the area by selecting people who are capable of solving problems in terms of quality of life. 3) the principle of mudita includes celebrating success, considering merits using moral values in the heart. And 4) the principle of equanimity includes setting neutral administrative and governance policies, aiming to create public benefits by working without discrimination.
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
การุณันทน์ รัตนแสนวงษ์. (2556).ภาวะผู้นำของผู้บริหารสตรีมหาวิทยาลัยภาครัฐและภาคเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ : มหาวิทยาลัยศรีปทุม.
ณรารัฏฐ์ โพธินาม. (2566). สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยสถิติผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จังหวัดลำพูน มีผู้ออกมาใช้สิทธิสูงสุดอันดับ 1 เช่นเดียวกับปี 2562. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.election66.tpchannel.org/?p=11606 [ 29 พฤศจิกายน 2566].
ธวัชชัย ตรีวรชัย. (2561). “ภาวะผู้นำของผู้บริหารตามหลักพรหมวิหาร 4 ในเทศบาลเมืองลำตาเสา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา”. วารสารปรัชญาปริทรรศน์. 23 (1) (2561) : 71.
ธัมมัฏฐิตตา อยู่เจริญ. (2558). ภาวะผู้นำเชิงพุทธกับพฤติกรรมองค์การ เชิงบวกที่เป็นผลมาจากการใช้ภาวะผู้นำเชิงพุทธ. วารสารวิชาการ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. 21 (2) (ธันวาคม) : 30.
ฐอรกาญจณ์ ฉายโชติธัญเจริญ. (2560). คุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารสตรีในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศในกลุ่มอาเซียน. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาวะผู้นำและนวัตกรรมการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสยาม.
ปรรณวัฒน์ ชูวิเชียร. (2562) ทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักการเมืองสตรีในรัฐสภา. วารสารการวิจัยการบริหารการพัฒนา. 9. (3) (กันยายน-ธันวาคม) : 96.
พระมหาสกล ฐานวุฑฺโฒ (วงษ์เขียด). (2559). รูปแบบการเสริมสร้างภาวะผู้นำกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนาชุมชนยั่งยืนภาคเหนือตอนล่าง. ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พิมพ์พันธุ์ ศรีพิพิธ และเฟื่องอุรณ ปรีดีดิลก. (2560). การศึกษาคุณลักษณะของนักการเมืองสตรีไทยในระดับท้องถิ่น. วารสารครุศาสตร์. 45 (3) (กรกฎาคม – กันยายน) : 125.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มนสิชา ภักดิเมธี. (2560) บทบาทสตรีในการบริหารองคการปกครองสวนทองถิ่นจังหวัดเชียงราย. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น. 11. (3) (กรกฎาคม-กันยายน): 198-199.
วชิรพงศ์ ศรีเจริญวงศ์. (2564). การส่งเสริมบทบาทสตรีในทางการเมือง :เปรียบเทียบกับต่างประเทศ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 12 (2) (กรกฎาคม-ธันวาคม) : 73.
ลิขิตา เฉลิมพลโยธิน เฉลิมชัย กิตติศักดิ์นาวิน และนลินณัฐ ดีสวัสดิ์. (2560). ภาวะผู้นำกับการพัฒนาองค์การโดยใช้หลักพรหมวิหาร 4. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยธนบุรี. 11 (26) (กันยายน – ธันวาคม) : 162.
ศรีพนา ศรีเชื้อ. (2559). การเสริมสร้างคุณลักษณะภาวะผู้นำที่พึงประสงค์ของนายทหารหญิงชั้นสัญญาบัตรที่พึงประสงค์กองทัพอากาศตามแนวพุทธธรรม. พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
สุวรรณ์ แก้วนะ. (2564). การพัฒนาคุณลักษณะผู้นำตามหลักสัปปุริสธรรมของผู้บริหารเทศบาลในจังหวัดสมุทรปราการ. ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
Best. J.W.. (1977). Research in Education. New jersey: Prentice – Hall.
Lynn R. Offermann and Kira Foley. (2020). Is There a Female Leadership Advantage?. Human Resource Management. Organizational Behavior. Social Issues [Online]. Publication Date: Feb 2020 DOI: 10.1093/acrefore/9780190224851.013.61.
Yamane.T. (1973). Statistics : An Introductory Analysis. (3rd ed.). Singapore : Times Printers Sdn.Bhd.