การมีส่วนร่วมภาคประชาสังคมในการป้องกันโรคโควิด ๑๙ ในตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการป้องกันโรคโควิด 19 (Covid-19) ใน ตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง 2)เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในช่วยเหลือและป้องกันโรค-2019ใน ตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) เสนอแนวทางการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการป้องกันโรคโควิด-2019 ใน ตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง ตามหลักอริยสัจ 4 รูปแบบการวิจัย เป็นการวิจัยผสานวิธี ได้แก่ การวิจัยในเชิงปริมาณ โดยการตอบแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์เชิงลึก สำหรับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวนทั้งสิ้น 10 รูป/คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการตอบแบบสอบถาม ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลหลวงเหนือ 6 หมู่บ้าน โดยการสุ่มตัวอย่างประชากร คิดสูตรของ Taro Yamane จำนวนประชากรทั้งสิ้น 354 คน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ Paired–Sample T Test
ผลการวิจัยพบว่า
1) ระดับการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการป้องกันโรคโควิด 19 (Covid-19) ในตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง โดยภาพรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมาก
2) ผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการป้องกันโรคโควิด -2019 ใน ตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง พบว่า เพศ การพบเชื้อโควิด อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ ที่ต่างกัน มีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการป้องกันโรคโควิด 19 ไม่แตกต่างกันจึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ทั้ง 4 ปัจจัย
3) แนวทางการส่งเสริมมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการป้องกันโรคโควิด-2019 ใน ตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้แก่หลักอริยสัจ 4 ประกอบไปด้วย 1) ทุกข์ การที่ประชาชน หน่วยงานต่าง เข้ามาสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิค-2019 ที่กำลังระบาดภายในพื้นที่ของตนเอง ในการหาปัญหาของโรคโควิด-2019 โดยการประชุมเพื่อปรึกษาหารือ ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ 2) สมุทัย การที่ประชาชน หน่วยงานต่าง เข้ามาสืบหาสาเหตุหรือต้นตอเกี่ยวกับโรควิค-2019 ที่กำลังระบาดภายในพื้นที่ของตนเอง โดยการนำของสาธารณะสุขประจำอำเภอ และหน่วยงานเทศบาลเป็นหลัก 3) นิโรธ โดยการจัดการประชุมสืบหาวิธีการแก้ไขปัญหา ในการแก้ไขและป้องการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ ตลอดถึงการลงพื้นที่ต่าง ๆ 4) มรรค คือ การที่ประชาชน หน่วยงานต่าง นำวิธีการแก้ไขปัญหามาปรับใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ตามสถานการณ์นั้น ๆ นำมาประเมินผลและปรับแก้ไขตามข้อผิดพลาด เพื่อปิดช่องโหว่ไม่ให้มีข้อผิดพลาดอีก และยังสามารถนำมาเป็นบทเรียนในครั้งต่อไป เพื่อประโยชน์ของพื้นที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิ์ภาพ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ชัยรัตน์ มาสอน ชาญชัย ฮวดศรี และ สุรพล พรมกุล. 2565. “การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการปกครองส่วนท้องถิ่นอําเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น. Journal of Roi Kaensarn Academi. ปีที่ 7 ฉบับที่ 1.
เดช ยะมงคล. (2560). “ศิลปะการเรียนรู้ตามหลักอริยสัจสี”. วารสารพุทธศิลปกรรม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่. 2 (2).
เปรมศักดิ์ แก้วมรกฎ. (2560). “วัฒนธรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของวัยรุ่นในสังคมพหุวัฒนธรรม : กรณีศึกษาอําเภอเทพา จังหวัดสงขลา”. วิทยานิพนธ์ศิลปะศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา. บัณฑิตวิทยาลัย : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19. ฉบับที่ 17559.
รัฐกูล เสนารา. (2563). การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนต่อมาตรการควบคุมโรคโควิด19 ในอําเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต . บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วิศิษฐ์ ฤทธิ์บุญไชย. “อริยสัจ 4 แนวทางแห่งการวิจัย ”. วารสารสหวิทยาการวิจัยฉบับบัณฑิตศึกษา. 5 (1), (มกราคม-ธันวาคม 2559).
เอราวัณ ฤกษ์ชัย. (2563). การนำนโยบายป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ไปปฏิบัติกรณีศึกษา องค์การบริหารส่วนตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยรามคำแหง.