การขัดกันของผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจการเมืองไทย
คำสำคัญ:
การขัดกันของผลประโยชน์, ธุรกิจการเมือง, กลุ่มผลประโยชน์บทคัดย่อ
บทความวิจัยเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจการเมืองไทย มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์แรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่มธุรกิจการเมือง และ 2) เพื่อศึกษาถึงลักษณะหรือรูปแบบของการขัดกันของผลประโยชน์ของ กลุ่มธุรกิจการเมืองบทความนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยอาศัยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In - Depth Interview) ผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย กลุ่มนักการเมืองระดับประเทศ กลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มที่มีอิทธิพลทางการเมือง กลุ่มนักการเมืองระดับท้องถิ่น กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มนักวิชาการ จำนวนทั้งสิ้น 30 คน จากนั้นนำข้อมูลมาจัดหมวดหมู่ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอในรูปการพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า 1) แรงจูงใจและพัฒนาการ การเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่มธุรกิจการเมืองได้แก่ การรับผลประโยชน์การทำธุรกิจกับตัวเอง การทำงานหลังจากออกจากตำแหน่งสาธารณะหรือหลังเกษียณ การทำงานพิเศษ การรับรู้ข้อมูลภายใน การใช้สมบัติราชการเพื่อประโยชน์ธุรกิจส่วนตัว และการนำโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยเงื่อนไขที่กลุ่มธุรกิจสนใจเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองได้แก่ เงื่อนไขส่วนบุคคล เงื่อนไขด้านการเมืองและนโยบาย เงื่อนไขด้านเศรษฐกิจ เงื่อนไขด้านสังคม เงื่อนไขด้านกฎหมาย และเงื่อนไขด้านสภาพแวดล้อม 2) เกิดผลกระทบทางการเมืองทางด้านบวกและลบของกลุ่มธุรกิจที่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองแล้วก่อให้เกิดการขัดกันทางผลประโยชน์ได้แก่ การใช้ตำแหน่งช่วยเหลือญาติสนิทมิตรสหายการขาดจิตสำนึกด้านศีลธรรมและจริยธรรม การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่การงาน การทำงานอีกแห่งหนึ่งที่ขัดแย้งกับแห่งเดิม และการปิดบังความผิด จึงเกิดการขัดกันทางผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจการเมืองในประเทศไทยซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ
เอกสารอ้างอิง
กิตติพศ กำเนิดฤทธิ์. (2550). การขัดกันแห่งผลประโยชน์กรณีการถือหุ้นของรัฐมนตรี. กรุงเทพมหานคร: รัฐสภาสาร.
จิระศักดิ์ สิทธิวงศ์. (2540). มูลเหตุจูงใจในการเข้าสู่การเมืองของนักธุรกิจ: กรณีศึกษาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2539. ใน วิทยานิพนธ์สังคมศาสตรมหาบัญฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
จุมพล หนิมพานิช. (2548). การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่: หลักการแนวคิด และกรณีตัวอย่างของไทย. ใน วิทยานิพนธ์สังคมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง. (2547). รู้ทันทักษิณ 5: สงครามการเมือง. กรุงเทพมหานคร: ขอคิดด้วยคน.
ชาย โพธิสิตา. (2554). ศาสตร์และศิลป์แห่งการวิจัยเชิงคุณภาพ. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์ พริ้นติ้ง.
ปรีชา อุปโยธิน และสุรีย์ กาญจนวงศ์. (2542). พ่อค้าและนักธุรกิจกับระบบรัฐสภาไทย ปัญหาปัจจุบันและการวิจัยอนาคตกาล. กรุงเทพมหานคร: เฟื่องฟ้าพริ้นติ้งจำกัด.
พรศรี วิโรจน์วุฒิกุล. (2548). บทบาททางเศรษฐกิจและการเมืองของนักธุรกิจท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี. ใน วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเมืองและการบริหารจัดการ. มหาวิทยาลัยบูรพา.
ศุภลักษณ์ ตรีสุวรรณ. (2548). แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท เอซอินชัวรันซ์จำกัด. ใน วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการจัดการทั่วไป. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
สมภพ โหตระกิตย์. (2540). 40 ปี ในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์พริ๊นติ้งแอนพับลิชชิ่ง .
Herzberg F. (1959). The Motivation of Work. New York: John Wiley & Sons.
Maxwell, J. (1992). Understanding and validity in qualitative research. The qualitative researcher’s companion, 3(2), 37-64.
Mcmillanz, J. and Schumacher, S. (1997). Research in Education. America: Addison – Wesley Educational Publishers Inc.
Strauss A. & Corbin J. (1998). Basics of qualitative research: Techniques and procedures for developing grounded theory. AmericaThousand Oaks: Gower Publishing Company.
William, S. (1987). Conflict of Interest: The Ethics Dilemma in Politics. Vermont: Gower Publishing Company.




