ปัจจัยความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการจัดการตนเองในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยสูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เขตสุขภาพที่ 4 กระทรวงสาธารณสุข
คำสำคัญ:
การจัดการตนเอง, รับรู้ความสามารถของตนเอง, พฤติกรรมการดำเนินตามวิถีชีวิต, ความรอบรู้สุขภาพ, ผู้ป่วยสูงอายุโรคเบาหวานบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการรับรู้ความสามารถของตนเอง พฤติกรรมการดำเนินตามวิถีชีวิต ความรอบรู้สุขภาพ และการจัดการตนเองในการป้องกันภาวะแทรกซ้อน ของผู้ป่วยสูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 2) เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของโมเดลปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการจัดการตนเองในการป้องกันภาวะแทรกซ้อน ของผู้ป่วยสูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 3) เพื่อศึกษาอิทธิพล การรับรู้ความสามารถของตนเอง พฤติกรรมการดำเนินตามวิถีชีวิต และความรอบรู้สุขภาพ ที่มีต่อการจัดการตนเองในการป้องกันภาวะแทรกซ้อน ของผู้ป่วยสูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยสูงอายุ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 672 คน โดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถาม 5 ส่วน ค่าความตรงของเนื้อหา 0.90 คุณภาพเครื่องมือส่วนที่ 2 - 5 มีค่าความเที่ยงตรง 0.92, 0.91, 0.97 และ 0.96 ตามลำดับ วิเคราะห์ด้วย คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน โมเดลสมการโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า การจัดการตนเอง การรับรู้ความสามารถของตนเอง พฤติกรรมการดำเนินตามวิถีชีวิต และความรอบรู้สุขภาพ ระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 3.74, 3.79, 3.33 และ 3.86 โดยรวมอยู่ระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 3.70 ปัจจัยเชิงสาเหตุสอดคล้อง และมีอิทธิพลต่อการจัดการตนเอง โดยการรับรู้ความสามารถตนเอง พฤติกรรมการดำเนินตามวิถีชีวิต มีอิทธิพลทางตรงต่อการจัดการตนเอง มีอิทธิพล 0.39 และ 0.57 ความรอบรู้สุขภาพ ส่งผลผ่านพฤติกรรมการดำเนินตามวิถีชีวิต มีอิทธิพล ทางอ้อมต่อการจัดการตนเอง 0.49 และมีอิทธิพลรวม 0.39, 0.49 และ 0.57 มีนัยสำคัญที่ 0.01 อธิบายความแปรปรวน ได้ร้อยละ .88 (R2 = .88 %) ดังนั้น หน่วยงานบริการสาธารณสุขควรให้ความสำคัญในการส่งเสริม ให้ความรอบรู้สุขภาพและพฤติกรรมการดำเนินตามวิถีชีวิตที่เหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
กมลพร สิริคุตจตุพร และคณะ. (2560). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารสภาการพยาบาล, 32(1), 81-93.
กรมควบคุมโรค. (2561). ประเด็นสารรณรงค์วันเบาหวานโลกปี 2561. เรียกใช้เมื่อ 10 กรกฎาคม 2561 จาก http://www.thaincd.com/document/docs_upload/World Diabetesday61.pdf
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2559). การเสริมสร้างและประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: บริษัทนิวธรรมดาการพิมพ์(ประเทศไทย) จำกัด.
กิตติพศ วงศ์นิศานาถกุล. (2561). ความฉลาดสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เข้ารับบริการ ณ ศูนย์เวชปฏิบัติ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย, 8(1), 49-61.
มยุรี หอมสนิท. (2554). โรคเบาหวานในผู้สูงอายุและการป้องกัน. ใน ประเสริฐ อัสสันตชัย (บรรณาธิการ). ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและการป้องกัน. (พิมพ์ครั้งที่ 2) (หน้า 195 - 220). กรุงเทพมหานคร: บริษัทยูเนี่ยน ครีเอชั่น จำกัด.
ลัดดา สะลีมา และอรสา พันธ์ภักดี. (2559). อิทธิพลของปัจจัยพื้นฐานและความสามารถในการดูแลตนเองในคนไทยที่เป็นความดันโลหิตสูง. Pacific Rim International Journal of Nursing Research, 20(1), 5-17.
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2559). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2559. กรุงเทพมหานคร: บริษัทธนาเพลส จำกัด.
Bishwajit, G. et al. (2016). Lifestyle Behavior, Subjective Health and Quality of Life Among Chinese Men Living with Type 2 Diabetes. American Journal of Men ’s Health 2017, 11(2), 357-364.
Bloom, B. S. (1986). “Learning for mastery” Evaluation comment Center for the study of instruction programe. Retrieved July 10, 2018, from https://programs.honolulu.hawaii.edu/intranet/sites/programs.honolulu.hawaii.edu.intranet/files/upstf-student-success-bloom-1968.pdf
Hair, J. F., et al. (2010). Multivariate data analysis Pearson Prentice Hall Upper Saddle River. New Jersey: US.
Ryan P. & Sawin K. J. (2009). The individual and family self - management theory: Background and perspectives on context process and outcomes. Nursing outlook, 57(4), 217-256.




