รูปแบบการพัฒนาทีมงานที่มีประสิทธิภาพในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2

ผู้แต่ง

  • เบญจมาศ นิลกำแหง มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
  • เสาวนีย์ สิกขาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
  • กาญจนา บุญภักดิ์ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ

คำสำคัญ:

ทีมงานที่มีประสิทธิภาพ, รูปแบบการพัฒนา, สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

บทคัดย่อ

          บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพทีมงานในสถานศึกษา 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนาทีมงานที่มีประสิทธิภาพในสถานศึกษา 3) เพื่อประเมินรูปแบบการพัฒนาทีมงานที่มีประสิทธิภาพในสถานศึกษา เป็นงานวิจัยแบบผสมผสานระหว่างงานวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพทีมงานในสถานศึกษา โดยศึกษาความคิดเห็น ผู้บริหาร ครูหัวหน้างาน และครูผู้สอน กลุ่มตัวอย่าง 177 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น และสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม และ สัมภาษณ์ผู้บริหารโรงเรียนพระราชทาน 2 คน เพื่อทราบข้อมูลการบริหารโดยเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการพัฒนาทีมงานที่มีประสิทธิภาพในสถานศึกษา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ ขั้นตอนที่ 3 การประเมินรูปแบบการพัฒนาทีมงานที่มีประสิทธิภาพในสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มเดียวกับขั้นตอนที่ 1 เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบประเมินรูปแบบ สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า สภาพทีมงานในสถานศึกษา ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายองค์ประกอบ พบว่าอยู่ในระดับมาก ทุกองค์ประกอบ องค์ประกอบที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือด้านการวางแผน ค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การประเมินผล ผลการพัฒนารูปแบบการพัฒนาทีมงานที่มีประสิทธิภาพในสถานศึกษา พบว่า รูปแบบประกอบด้วย ความเป็นมาของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ องค์ประกอบของทีมงาน และ วิธีดำเนินการ องค์ประกอบของทีมงาน มี 7 ด้าน ได้แก่ การวางแผน การร่วมมือ การประสานงาน การติดต่อสื่อสาร บรรยากาศที่ดี การประเมินผล และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ผลการประเมินรูปแบบ พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านความเป็นประโยชน์ ด้านความเป็นไปได้ ด้านความถูกต้องครอบคลุม และด้านความเหมาะสม

เอกสารอ้างอิง

จิรวัฒน์ รจนาวรรณ. (2555). กลยุทธ์ คิดแบบผู้นำทำแบบนักบริหาร. กรุงเทพมหานคร: ซีเอ็ดยูเคชั่น.

ชาญชัย อาจินสมาจาร. (2553). ทฤษฎีการบริหารตามแนวคิดของปราชญ์ตะวันตก. กรุงเทพมหานคร: ปัญญาชน.

ธีระ รุณเจริญ. (2554). สภาพและปัญหาการบริหารและการจัดการศึกษาขันพื้นฐานของสถานศึกษาในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: วี.ที.ซี.คอมมิวนิเคชัน.

เนตร์พัณณา ยาวิราช. (2560). การจัดการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาองค์การ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์บริษัท ทริปเพิ้ล จำกัด.

ราวี กลิ่นหอม. (2553). การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 1. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชานโยบายการจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วรรณพร ไกรเลิศ. (2554). องค์กรกระจายอำนาจ: The 3 Keys To Empowerment. กรุงเทพมหานคร: เอ อาร์ บิซิเนส เพรส.

วิโรจน์ สารรัตนะ. (2556). กระบวนทัศน์ใหม่ทางการศึกษากรณีทัศนะต่อการศึกษาศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร: หจก.ทิพยวิสุทธิ์.

สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. (2559). คู่มือการกำหนดสมรรถนะในราชการพลเรือน: คู่มือสมรรถนะหลัก. นนทบุรี: บริษัทประชุมช่าง จำกัด.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2552). กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษา ในช่วงแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษา แห่งชาติ (พ.ศ. 2545-2559). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุนันทา เลาหนันทน์. (2551). การสร้างทีมงาน. กรุงเทพมหานคร: ดี.ดี.บุ๊คสโตร์.

อัยนา เพ็ชรทองคํา. (2551). การศึกษาสภาพและปัญหาการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารและครูในโรงเรียนประถมศึกษาเอกชนที่ได้รับรางวัลพระราชทาน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing. (5 th ed.). New York: Harper Collins Publishers.

Giuliani, A. & Cestaro B. (1997). Cestaro BB. Exercise, free radical Generation and vitamin. Eur Cand Pre 1997, 6(2), 55-67.

Hall, D. & Robert, W. (1999). The use of dual planning periods by a middle school team. Dissertation Abstracts International, 59(9), 475-501.

Keeves, P. J. (1988). “Model and Model Building” Educational Research Methodology and Measurement: An International Handbook. Oxford: Pergamon Press.

Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.

Likert, R. (1967). “The Method of Constructing and Attitude Scale”. In Reading in Fishbeic, M. (Ed.) Attitude Theory and Measurement (pp. (90-95)). New York: Wiley & Son.

Naraya, A. (2008). Role of Assigned Team Goal in the Relationship Between Individual Difference Factors and Self-set Goal in a Pre-team Context. Dayton: Wright State University.

Pitsoe, J. V. (2014). How do school Management Teams Experience Teamwork: A Case Study in the School in the Kamwenge District, Uganda. Mediterranean Journal of Social Sciences, 5(3), 138-145.

Stott, K. & Walker, A. (1995). Teams Teamwork & Teambuilding. Singapore: Prentice-Hall.

Trimble, S. & Miller, J. (1996). “Creation, Invigoration and Sustaining and Sustaining Effective Teams (Personalizing the High School: the Most Important Reform)”. NASSP Bulletin, 2(4), 35-40.

Whyte, W. F. et al. (1991). Participatory Action Research. London: Sage.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

08/25/2021

รูปแบบการอ้างอิง

นิลกำแหง เ. ., สิกขาบัณฑิต เ. ., & บุญภักดิ์ ก. . (2021). รูปแบบการพัฒนาทีมงานที่มีประสิทธิภาพในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 6(8), 218–235. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/251098

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย