ปัจจัยทำนายพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของผู้รับบริการกลุ่มวัยทำงาน ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม

ผู้แต่ง

  • จริยา ทรัพย์เรือง มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
  • บุบผา วิริยรัตนกุล มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • พัชรินทร์ สังวาลย์ มหาวิทยาลัยพะเยา

คำสำคัญ:

พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ, ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม, ผู้รับบริการกลุ่มวัยทำงาน

บทคัดย่อ

          บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอำนาจการทำนายของการรับรู้ประโยชน์ การรับรู้อุปสรรค การรับรู้ความสามารถของตน อิทธิพลระหว่างบุคคลต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของผู้รับบริการกลุ่มวัยทำงานที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม อายุ 20 - 59 ปี ตามเกณฑ์ของ International Diabetes Federation จำนวน 103 คน โดยคำนวณจากตารางเครจซี่และมอร์แกน จากการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป 2) แบบสอบถามพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพผู้รับบริการ 3) แบบสอบถามการรับรู้ประโยชน์ 4) แบบสอบถามการรับรู้อุปสรรค 5) แบบสอบถามการรับรู้ความสามารถของตน  6) แบบสอบถามอิทธิพลระหว่างบุคคล ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน พบว่าค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์เท่ากับ .86 หาค่าความเที่ยงได้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาครอนบาคของแบบสอบถามส่วนที่ 2 - 6 เท่ากับ .73, .80, .82, .79 และ .86 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปใช้สถิติเชิงพรรณนา วิเคราะห์ความสัมพันธ์ และอำนาจการทำนายโดยใช้สถิติวิเคราะห์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และสถิติถดถอยแบบพหุคูณ ผลการศึกษา พบว่าพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพกลุ่มวัยทำงานที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมอยู่ในระดับปานกลาง ( gif.latex?\bar{x} = 3.15, S.D. = 1.01) การรับรู้ประโยขน์ การรับรู้อุปสรรค การรับรู้ความสามารถของตน อิทธิพลระหว่างบุคคล สามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพกลุ่มวัยทำงานที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมได้ร้อยละ 45.7 (R2 = .457) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) ผลการวิจัยสามารถนำไปเป็นองค์ความรู้ในการออกแบบโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพกลุ่มวัยทำงานที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมต่อไป

เอกสารอ้างอิง

กรมอนามัย. (2559). รายงานประจำปีกรมอนามัย 2559. นนทบุรี: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.

โครงการสุขภาพคนไทย. (2562). สุขภาพคนไทย 2562. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.

นพณัฐ จำปาเทศ และคณะ. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม. วารสาร มฉก. วิชาการ, 22(43), 114-129.

ปริศนา อัครธนพล และคณะ. (2561). ภาวะสุขภาพ และพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของพนักงานลูกจ้างรายวันในมหาวิทยาลัย. วารสารพยาบาล, 67(4), 11-20.

ยุภา โพผา และคณะ. (2559). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมสุขภาพผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติที่ไม่สามารถควบคุมได้. วารสารพยาบาลทหารบก, 16(1), 123-130.

ละอองดาว คำชาตา และคณะ. (2561). โรคอ้วนลงพุง: สัญญาณอันตรายที่ต้องจัดการ. ศรีนครินทร์เวชสาร, 33(4), 386-395.

สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2560). แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี. กรุงเทพมหานคร: อิโมชั่น อาร์ต จำกัด.

Aekplakorn, W. et al. (2018). Prevalence of diabetes and relationship with socioeconomic status in the Thai population: National health examination survey, 2004 - 2014. Journal of Diabetes Research, 8(1), 1-8.

Araya, K. et al. (2018). Relation between alcohol consumption and prevalence of metabolic syndrome in the Chilean population according to data from the 2009 – 2010 national health survey. AtherosclerosisSupplements, 32(1), 83-85.

Blackford, K. et al. (2016). Effects of a home-based intervention on diet and physical activity behaviours for rural adults with or at risk of metabolic syndrome: A randomised controlled trial. International Journal of Behavioral Nutrition and Physical Activity, 13(1), 1-10.

International Diabetes Federation. (2009). The IDF consensus worldwide definition of the metabolic syndrome. Belgium: International Diabetes Federation.

Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.

Lo, S. W. et al. (2015). Factors associated with health-promoting behavior of people with or at high risk of metabolic syndrome: Based on the health belief model. Applied Nursing Research, 28(2), 197-201.

Papier, K. et al. (2017). Social demography of transitional dietary patterns in Thailand: Prospective evidence from the Thai cohort study. Nu trients, 9(11), 1173-1178.

Pender, N. J. et al. (2011). Health promotion in nursing Practice 6th ed. Boston: Pearson.

Supruang, J. et al. (2020). A Qualitative Study of Perceptions about Eating Behaviours and Metabolic Syndrome in Thailand. Pacific Rim International Journal of Nursing Research, 24(2), 234-245.

Wijesinghe, N. (2018). Metabolic syndrome among south Asians. Journal of the Ceylon College of Physicians, 49(2), 45-48.

World Health Organization. (2018). Prevention of Cardiovascular Disease: guideline For Assessment and Management of total Cardiovascular risk. Geneva: World Health Organization.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

08/25/2021

รูปแบบการอ้างอิง

ทรัพย์เรือง จ., วิริยรัตนกุล บ. ., & สังวาลย์ พ. (2021). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของผู้รับบริการกลุ่มวัยทำงาน ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 6(8), 386–399. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/253562

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย