การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจและการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
คำสำคัญ:
รูปแบบ, การสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจ, เครือข่ายสังคมออนไลน์, ความเชื่อด้านสุขภาพ, การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจและการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 1) ศึกษาสภาพการณ์การไม่มาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก 2) พัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจและการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ 3) ประเมินผลรูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจและการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ สตรีกลุ่มเสี่ยงอายุ 30 - 60 ปี จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้คือ 1) แบบสัมภาษณ์การไม่มาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มีค่าดัชนีความตรงของเนื้อหา 1.0 2) แบบสอบถามความเชื่อด้านสุขภาพด้านการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ค่าดัชนีความตรงของเนื้อหา 0.96 ค่าสัมประสิทธิ์ครอนบาคอัลฟา 0.821 3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อรูปแบบสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจและการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา การแจกแจงความถี่ และการทดสอบที ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจและการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ประกอบด้วย 1) การสร้างสัมพันธภาพ 2) การให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูก 3) การค้นหาแรงจูงใจ 4) การผลักดันแรงจูงใจให้แน่นเฟ้นมั่นคง 5) การแนะนำแบบมีตัวเลือก 6) การวางแผนและการสรุป และ 7) การติดตามโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ โดยผลการทดลองใช้รูปแบบสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจและการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างมีความเชื่อด้านสุขภาพสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) ดังนั้นพยาบาลและบุคลากรด้านสุขภาพสามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมสตรีกลุ่มเสี่ยงในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือโรคอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ และกุลรัตน์ บริรักษ์วาณิชย์. (2560). การประเมินการใช้ทคนิคการสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เขตสุขภาพที่ 2. คลังข้อมูลและความรู้ระบบสุขภาพ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข. เรียกใช้เมื่อ 15 ธันวาคม 2563 จาก https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/4800?locale-attribute=th
เทพกร พิทยาภินันท์ และคณะ. (2559). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้ารับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีในอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา. วารสารมหาวิทยาลัยทักษิณ, 19(2), 89-97.
เทอดศักดิ์ เดชคง. (2555). เทคนิคให้คําปรึกษาแบบสร้างแรงจูงใจ. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์หมอชาวบ้าน.
เทอดศักดิ์ เดชคง. (2560). สนทนาเพื่อสร้างแรงจูงใจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ. กรุงเทพมหานคร: บียอนด์ พับลิสชิ่ง จำกัด.
บังอร การวัฒนี. (2564). การพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนโรคไตเรื้อรังโดยใช้การสนทนาเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจ. วารสารวิชาการและการพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จักรีรัช, 1(1), 76-88.
ปรียานุช มณีโชติ และคณะ. (2554). ผลของโปรแกรมการสอนแบบสร้างแรงจูงใจต่อการรับรู้เกี่ยวกับโรคและอัตราการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีไทยในชนบท. วารสารศรีนครินทร์เวชสาร, 26(1), 9-16.
ปิยะ วงษ์ไทยเจริญ. (2558). ผลการสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจแบบกลุ่มต่อพฤติกรรมสุขภาพและระดับคลอเลสเตอรอลของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. ใน วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาการปรึกษา. มหาวิทยาลัยบูรพา.
สตรีกลุ่มเสี่ยง คนที่เก้า. (28 พฤศจิกายน 2563). การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. (พิมพ์ลดา อนันต์สิริเกษม และคณะ, ผู้สัมภาษณ์)
สตรีกลุ่มเสี่ยง คนที่เจ็ด. (12 พฤศจิกายน 2563). การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. (พิมพ์ลดา อนันต์สิริเกษม และคณะ, ผู้สัมภาษณ์)
สตรีกลุ่มเสี่ยง คนที่แปด. (21 พฤศจิกายน 2563). การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. (พิมพ์ลดา อนันต์สิริเกษม และคณะ, ผู้สัมภาษณ์)
สตรีกลุ่มเสี่ยง คนที่สอง. (5 พฤศจิกายน 2563). การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. (พิมพ์ลดา อนันต์สิริเกษม และคณะ, ผู้สัมภาษณ์)
สตรีกลุ่มเสี่ยง คนที่สิบสาม. (29 พฤศจิกายน 2563). การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. (พิมพ์ลดา อนันต์สิริเกษม และคณะ, ผู้สัมภาษณ์)
สตรีกลุ่มเสี่ยง คนที่หนึ่ง. (1 พฤศจิกายน 2563). การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. (พิมพ์ลดา อนันต์สิริเกษม และคณะ, ผู้สัมภาษณ์)
สตรีกลุ่มเสี่ยง คนที่ห้า. (7 พฤศจิกายน 2563). การพัฒนารูปแบบการสนทนาแบบสร้างแรงจูงใจต่อความเชื่อด้านสุขภาพในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. (พิมพ์ลดา อนันต์สิริเกษม และคณะ, ผู้สัมภาษณ์)
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2561). ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2560 HOSPITAL-BASED CANCER REGISTRY. กรุงเทพมหานคร: พรทรัพย์การพิมพ์จำกัด.
สมชาย เนื่องตัน. (2562). บทความสุขภาพ: การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก. เรียกใช้เมื่อ 15 เมษายน 2562 จาก http://www.si.mahidol.ac.th/th/department/obstretrics_gynecology/dept_article_detail.asp?a_id=212
สะใบทอง หาญบุ่งคล้า. (2563). สรุปผลการดำเนินงานคัดกรองโรคมะเร็ง จังหวัดราชบุรี ปีงบประมาณ 2562. ราชบุรี: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี.
สุคนธ์ ไข่แก้ว และคณะ. (2556). รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพการป้องกันมะเร็งปากมดลูกของสตรีวัยทำงาน. วารสารพยาบาลทหารบก, 14(3), 8-13.
อมาวสี กลั่นสุวรรณ. (2559). ผลของโปรแกรมเสริมสร้างแรงจูงใจร่วมกับการบำบัดความคิดและพฤติกรรมต่อพฤติกรรมร่วมมือในการเปลี่ยนแปลงตนเองของผู้ป่วยเสพติดแอมเฟตามีนในสถานบำบัดรักษาแห่งหนึ่ง จังหวัดปทุมธานี. ใน วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อานุภาพ พงษ์พานิช และคณะ. (2558). ประสิทธิผลของโปรแกรมการประยุกต์ใช้การสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคอาหารเป็นพิษในนักเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารสุขศึกษา, 38(131), 77-92.
Hyuna. S. et al. (2021). Global Cancer Statistics 2020: GLOBOCAN Estimates of Incidence and Mortality Worldwide for 36 Cancers in 185 Countries. CA CANCER J CLIN, 2021(71), 209-249.
Lincoln Y. S. & Guba E. G. (1985). Naturalistic Inquiry. Beverly Hills: Sage.
Prochaska, J. O. & DiClemente, C. C. (1983). Stages and processes of self-change of smoking: Toward an integrative model of change. Journal of Counseling and Clinical Psychology, 51(3), 390-395.




