การถอดบทเรียนโครงการรณรงค์เพื่อป้องกัน Gen Z สู่นักสูบหน้าใหม่
คำสำคัญ:
การถอดบทเรียน, การรณรงค์, นักสูบหน้าใหม่, Gen Z Gen Strongบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อถอดบทเรียนโครงการรณรงค์เพื่อป้องกัน Gen Z สู่นักสูบหน้าใหม่ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่านวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก และเลือกโครงการแบบเฉพาะเจาะจง คือ โครงการปกป้อง Gen Z จากการสูบบุหรี่ ซึ่งดำเนินโครงการโดยมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์ต่อการเริ่มสูบบุหรี่ของนักสูบหน้าใหม่ คือ ครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดสูบบุหรี่ เพื่อน การโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัทบุหรี่ การเข้าถึงและการหาซื้อบุหรี่ได้ผ่านระบบออนไลน์ โดยหลักการรณรงค์ของโครงการปกป้อง Gen Z จากการสูบบุหรี่ ประกอบไปด้วย 5 หลักการ คือ 1) เข้าใจปัญหา วางแผนการรณรงค์ 2) วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย 3) ทุนสนับสนุนในการรณรงค์ 4) กิจกรรมการรณรงค์ และ 5) การติดตามและประเมินผล มีกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 7 - 20 ปี ซึ่งอ้างอิงตามกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ ประเด็นสำคัญที่ส่งผลให้การรณรงค์ประสบความสำเร็จ คือ การวางแผนการรณรงค์ที่ละเอียด รอบด้าน สอดคล้องกับองค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์ต่อการเริ่มสูบบุหรี่ของนักสูบหน้าใหม่ ประกอบกับการผสมผสานเครื่องมือสื่อสารที่หลากหลาย และเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้ามามีส่วนร่วมในหลายขั้นตอน ซึ่งกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายมีพลังในการขับเคลื่อนโครงการอย่างเต็มที่ ก่อให้เกิด “นวัตกรรมทางสังคม” ในการขับเคลื่อนโครงการรณรงค์เพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่ การวางแผนรณรงค์ในอนาคตควรพิจารณาขยายอายุกลุ่มเป้าหมาย หรือปรับกลยุทธ์ของโครงการอื่นที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ให้ครอบคลุมกลุ่มนักสูบหน้าใหม่ที่มีอายุระหว่าง 19 - 24 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ของประเทศ
เอกสารอ้างอิง
กรมประชาสัมพันธ์. (2562). กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ ลดอัตรากาบริโภคยาสูบลงอย่างน้อยร้อยละ 30 เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. เรียกใช้เมื่อ 8 กรกฎาคม 2565 จาก https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/ TCATG190728194429677
การยาสูบแห่งประเทศไทย. (2565). งบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 และรายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต. เรียกใช้เมื่อ 6 กรกฎาคม 2565 จาก https://www.thaitobacco.or.th/th/wpcontent/uploads/2022/02/F99_2564_S207_30092021.pdf
จำเนียร จวงตระกูล. (2561). ปัญหาการกำหนดกลุ่มตัวอย่างและวิธีการสุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงคุณภาพ. วารสารบริหารธุรกิจและสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 1(2), 1-21.
บุญเลิศ ศุภดิลก. (2558). การสื่อสารกับการพัฒนา . นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
มนทรัตม์ ถาวรเจริญทรัพย์. (2564). รัฐอ่วม! ควักจ่ายไทยสูบบุหรี่ป่วย 4 โรคร้ายต่อคนสูง 6 ล้านบาท. เรียกใช้เมื่อ 6 กรกฎาคม 2565 จาก https://www.trc.or.th/th/ข่าวสาร/ข่าวเผยแพร่/ข่าวสารบุหรี่/582-รัฐอ่วม-ควักจ่ายไทยสูบบุหรี่ป่วย-4-โรคร้ายต่อคนสูง-6-ล้านบาท.html
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่. (2561). โครงการปกป้อง Gen Z จากการสูบบุหรี่. เรียกใช้เมื่อ 14 เมษายน 2565 จาก https://genzstrong.com/aboutus
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2564). ‘เรื่องลับควันพิศวง’ ป้องกันเยาวชนเป็น ‘นักสูบหน้าใหม่’. เรียกใช้เมื่อ 13 เมษายน 2565 จาก https://www. thaipost.net/main/detail/89971
สุระชัย ชูผกา. (2562). หลักรณรงค์: เปลี่ยนโลกได้ด้วยมือเปล่า. กรุงเทพมหานคร: กู๊ดเฮด พริ้นติ้งแอนด์ แพคเกจจิ้งกรุ๊ป.
Farmer, J. et al. (2018). Applying social innovation theory to examine how community co-designed health services develop: using a case study approach and mixed
methods. BMC health services research, 18(1), 1-12.
Rhule, E., & Allotey, P. A. (2020). Researching social innovation: is the tail wagging the dog? Infectious diseases of poverty, 9(1), 1-5.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




