การนำ “ระบบการขึ้นทะเบียนผู้กระทำผิดทางเพศและการแจ้งเตือนต่อสาธารณชน” มาใช้กับระบบทะเบียนประวัติอาชญากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเพศ

บทคัดย่อ

ปัญหาอาชญากรรมทางเพศและพฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกสังคม มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทั้งจำนวนและระดับของความรุนแรง ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพ แต่กลับส่งผลต่อความมั่นคงทางจิตใจของสมาชิกในสังคมด้วย เนื่องจากมูลเหตุของการกระทำผิดทางเพศนั้นแตกต่างจากการกระทำความผิดอาญาอื่น ๆ ที่มิได้มุ่งหวังในตัวทรัพย์สิน แต่เป็นการตอบสนองต่อสัญชาตญาณดิบในอารมณ์ทางเพศที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น การวิเคราะห์สาเหตุการกระทำผิดทางเพศจำต้องวิเคราะห์ถึงปัจจัยส่วนบุคคล ทั้งจากสภาพจิตใจ บุคลิกภาพ พฤติกรรม และร่างกาย ประกอบกับปัจจัยภายนอกแวดล้อมของบุคคลนั้น ๆ จึงจะทำให้เข้าใจถึงสาเหตุในการก่อเหตุที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่มาตรการในการดำเนินการกับผู้กระทำผิดทางเพศเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการลงโทษ การติดตามตรวจสอบ การเฝ้าระวัง ตลอดจนการบำบัดรักษา ซึ่งในปัจจุบันได้มีการบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำผิดทางเพศบางกรณีแล้ว แต่ก็ยังพบปัญหาความผิดปกติทางเพศนั้นฝังรากลึกลงไปในร่างกายหรือจิตใจ การบำบัดเพียงระยะสั้นหรือเป็นครั้งคราว ซึ่งยังไม่สามารถส่งผลให้การบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำผิดประสบความสำเร็จ (ประธาน วัฒนวาณิชย์, 2546) เป็นผลให้เกิดการกระทำผิดทางเพศซ้ำ ๆ ตามโอกาสที่เอื้ออำนวย ด้วยเหตุนี้ในต่างประเทศจึงมีการบังคับใช้ระบบการขึ้นทะเบียนทางเพศและการแจ้งเตือนต่อสาธารณชน ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐนำมาบังคับใช้ เพื่อให้สมาชิกในสังคมร่วมกับภาครัฐในการเฝ้าระวังและปกป้องความปลอดภัยจากการกระทำผิดทางเพศร่วมกันสำหรับประเทศไทยซึ่งประสบปัญหาจากการก่ออาชญากรรมทางเพศอย่างมาก จึงมีความจำเป็นต้องนำมาตรการดังกล่าวมาบังคับใช้ แต่อย่างไรก็ตามการขึ้นทะเบียนและการแจ้งเตือนดังกล่าวนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนของผู้กระทำผิดทางเพศ ดังนั้นในการนำระบบการขึ้นทะเบียนผู้กระทำผิดทางเพศและการแจ้งเตือนต่อสาธารณชนมาปรับใช้ในประเทศไทย จึงจำต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมภายใต้บริบทของสังคมไทยอย่างรอบคอบ