การทำสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับข้อพิพาททางการแพทย์
Main Article Content
บทคัดย่อ
กระบวนการรักษาผู้ป่วยนั้นอาจเกิดความผิดพลาดได้ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากระบบการบริการหรือตัวบุคคล โดยมีทั้งความผิดพลาดที่ป้องกันได้และเป็นเหตุสุดวิสัย เมื่อเกิดความผิดพลาดและมีผลเสียหายและบุคลากรทางการแพทย์ควรเรียนรู้วิธีจัดการสิ่งที่ผิดพลาดและความเสียหายให้บรรเทาไปในทางที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันต้องเรียนรู้สาเหตุของความผิดพลาดและแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก การจัดการกับสิ่งที่ผิดพลาดนั้นมุ่งไปที่การสร้างความเข้าใจกับผู้ที่ได้รับความเสียหายและการระงับข้อพิาทให้เร็วที่การระงับข้อพิพาทก่อนที่จะถึงชั้นศาลซึ่งใช้ได้ผลดีและเป็นประโยชน์แก่คู่กรณีทุกฝ่ายในปัจจุบัน คือ การเจรจาไกล่เกลี่ยและการทำสัญญาประนีประนามยอมความโดยสามารถระงับข้อพิพาททั้งคดีแพ่งและคดีอาญาอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวได้ ถ้าทำสัญญาอย่างถูกต้องตามหลักกฎหมายและตามแนวคำพิพากษาศาลฏีกา
Article Details
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารกระบวนการยุติธรรม แต่ความคิดเห็นที่ปรากฏในเนื้อหาของบทความในวารสารกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องแนวทางปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (เรื่องเสร็จที่ 3072541) (2541).
ประสาท พงษ์สุวรรณ์. (2546). การระงับข้อพิพาททางปกครองโดยวิธีอื่นนอกจากการฟ้องคดีหรือพิพากษาโดยศาลปกครอง. วารสารนิติศาสตร์, 3, 470-478.
ศาลฎีกา. คำพิพากษาศาลฏีกา. Retrieved 11 มิถุนายน 2557 http://deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/searchlist.jsp
พระราชบัญญัติ ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 169 ตอนที่ 42 หน้า 1. (ลงวันที่ 8 เมษายน 2535).
สำนักวิจัยและวิชาการ สำนักงานศาลปกครอง. (2552). หลักกฎหมายพื้นฐานความรับผิดทางละเมิดตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าที่ พ.ศ. 2539. กรุงเทพมหานคร: ธรรมดาเพรส.
บุญศักดิ์ หาญเทอดสิทธิ์. (2554). การได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามมาตรา 41 กับการฟ้องร้องคดีแพ่ง. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 5(2),205-215.
บุญศักดิ์ หาญเทอดสิทธิ์. (2555). แนวคิดปัจจุบันของการเปิดเผยความผิดพลาดทางการแพทย์. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 6(1), 21-29.