การศึกษาหาแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพในการนำเทคโนโลยีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) มาใช้ในการสนับสนุนการบริหารงานของสถานีตำรวจ : ศึกษากรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล

Main Article Content

รศ.พ.ต.อ.ดร.กิตติ์ธนทัต เลอวงศ์รัตน์ และคณะ

บทคัดย่อ

จากสภาพการเมือง สังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้หล่อหลอมสภาพจิตใจของคนในสังคมให้เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากเดิมที่เคยถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน กลายมาเป็นการต่อสู้แข่งขันเพื่อรักษาสภานภาพทางสังคมหรือพยายามยกฐานะทางสังคมของตนให้สูงขึ้น โดยไม่คำนึงถึงวิธีการว่าถูกหรือผิด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้อาชญากรรมยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่คนกรุงเทพต้องเผชิญ อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้นในสังคม ทำให้สังคมและประชาชนมีความต้องการและความคาดหวังที่จะได้รับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากรัฐมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากสถิติคดีอาชญากรรมย้อนหลัง 3 ปีของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในกรุงเทพมหานคร จะเห้นได้ว่าคดีอุจฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง ส่วนคดีชีวิต ร่างกายและเพศ พบว่าในบางปีมีอัตราเพิ่มขึ้นและในบางปีมีอัตราลดลง ซึ่งใน พ.ศ. 2554 จากสถิติอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจากประชากร 5,674,843 คน พบว่าคดรีอุกฉกรรจ์และสะเือนขวัญคิดเป็นร้อยละ 72.82 คดีชีวิต ร่างกายแพศ คิดเป็นร้อยละ 61.63 และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์คิดเป็นร้อยละ 42.71 ปี พ.ศ. 2555 จากสถิติอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวนประชากร 5,673,560 คน พบว่าคดีอุกฉรรจ์และสะเทือนขวัญคิดเป็นร้อยละ 71.53 คดีชีวิต ร่างกายและะเพศคิดเป็นร้อยละ 58.78 และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์คิดเป็นนร้อยละ 39.25 และในปี พ.ศ. 2556 จากสถิติอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวนประชากร 5,673,560 คน พบว่าคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญคิดเป็นร้อยละ 66.50 คดีชีวิตร่างกายและเพศคิดเป็นร้อยละ 53.81และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์คิดเป็นร้อยละ 35.82 (ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกลาง สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, 2556) สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จำเป็นจะต้องประเมินแนวโน้มของปัญหาอาชญากรรมและความรุนแรงที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคตโดยจะต้องระดมสรรพกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดมาในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แต่เนื่องด้วยปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มสูงขึ้นและขยายไปทั่วทุกมุมโลกในลักษณะไร้พรมแดน


หากใช้กำลังพลที่มีอยู่ในการบริหารจัดการอาจจะไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการดังนั้นการนำเครื่องมือบริหารจัดการต่างๆ เข้ามาช่วยในการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งในการที่จะช่วยให้การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสอดคล้องกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มศักยภาพวิทยาการและเทคโนโลยีในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับในอดีต จึงทำให้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้นำวิทยาการและเทคโนโลยีเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในองค์กรเืพ่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เป็นวิทยาการและเทคโนโลยีประเภทหนึ่งที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยจากข้อมูลในปัจจุบันพบบว่าสถานีตำรวจนครบาลเกือบทุกแห่งได้มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ คณะกรรมการตำรวจชุมชนหรือประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ถูกจำกัดเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดให้แก่สถานีตำรวจทั่วประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกันต่อไป ด้วยเงื่อนไขของงบประมาณที่ประชาชนสนับสนุน จึงทำให้การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในแต่ละสถานีเป้นลักษณะต่างคนต่างทำมีรูปแบบ แนวทางที่แตกต่างกันออกไปแทนที่จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของวัตถุประสงค์และความจำเป็นที่กล่าวไว้ข้างต้น ทั้งนี้สาเหตุที่สำคัฐประการหนึ่งก็คือยังมิได้มีการศึกษาอย่างจริงจังถึงมาตรฐานขั้นต่ำ รูปแบบในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่ของสถานีตำรวจ ด้วยเหตุนี้คณะผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะทำการศึกษาถึงการหาแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพในการนำเทคโนโลยีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาใช้ในการสนับสนุนการบริหารงานของสถานีตำรวจ: ศึกษากรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล อันจะเป็นไปตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การป้องกันในเชิงรุกของกองบัญชาการตำรวจนคบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญ คือประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและมีความศรัทธาต่อการปฏิบัติงานของตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ได้ใช้กล้องวงจรปิดเพื่อใช้ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมซึ่งประกอบด้วย ดังนี้ 1) กล้องโทรทัศน์วงจรปิดของกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในวิธีการป้องกัน อาชญากรรมและรักษาความสงบปลอดภัยที่สากลให้การยอมรับ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครได้มีการจัดตั้งโครงการมาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของประชาชนในกรุงเทพมหานคร และเพื่อเป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมไปในตัวอีกด้วย จำนวน 13,923 ตัว 2) ส่วนกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในส่วนของสถานีตำรวจ ได้จัดทำโครงการจัดหากล้องโทรทัศน์วงจรปิดโดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบนโยบายและแนวทางในการนำกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาใช้ในราชการตำรวจเพื่อใช้ในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่เสี่ยงภัยและส่งเสริมประสิทธิภาพโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ โดยมอบให้สถานีตำรวจนครบาลใช้ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด จำนวน 88 แห่งซึ่งแต่ละแห่งได้จำนวนกล้องโทรทัศน์วงจรปิดจำนวน 10 ตัว หรือตามความเหมาะสม รวมจำนวนกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในส่วนของสถานีตำรวจจำนวน 880 ตัว (สส. เรื่องการกำหนดจุดติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อระวังป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่เสี่ยงเพื่อระวังป้องกันอาชญากรรม บันทึกข้อความที่ 0033214/2207, 2555) 3) กล้องโทรทัศน์วงจรปิดโครงการ Safety Zone ซึ่งเป็นการจัดระเบียบสภาพแวดล้อมและสร้างเครือข่ายรัฐ เอกชน ประชาชน รวมทั้งพัฒนา ระบบสายตรวจเชิงรุกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมโดยบูรณาการกองกำลังทุกฝ่ายจำนวนประมาณ 1,000 ตัว และ 4) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน). กำลังจะจัดทำโครงการนวัตกรรมการติดตั้งกล้องโทรทัษน์วงจรปิด เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมใจเขตกรุงเทพมานครการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในเขตกรุงเทพมานครการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในเขตกรุงเทพมหานคร (Miracle Eyes) ซึ่งเป็นการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดทั่วพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครำนวน 1,000,000 ตัว เพื่อช่วยในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยแบ่งเป็น 5 ระยะดังนี้ ระยะที่ 1 จัดตั้งศูนย์ควบคุมกล้องวงจรปิดทุกตัวของภาครัฐในกรุงเทพมหานคร อาทิกล้องโทรทัศน์วงจรปิดทั่วในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 2-4 ร่วมมือกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (TOT) ในการติดตั้งกล้องเพิ่มเติมให้แก่ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปที่ประสงค์จะติดตั้งกล้องเพื่อเชื่อมโยงกับระบบของศูนย์ Miracle Eyes ระยะที่ 5 กล้องโทรทัศน์วงจรปิดทั่วพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครครบจำนวน 1,000,000 ตัว สามารถเชื่อมโยงกันทั้งระบบและหากดำเนินการเสร็จสิ้นทั้ง 5 ระยะ จะสามารถใช้กล้องในการยับยั้ง ข่มขู่ผู้กระทำผิด และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษซึ่งจะทำให้การปฏิบัติภารกิจในด้านป้องกันปราบปราม สืบสวน และการจราจรของสำนักงานตำรวจแ่หงชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดต่างๆ นำมาปรับมาใช้ในอนาคต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ ข้อดี ข้อเสีย ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการโดยศึกษาเปรียบเทียบจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของสถานีตำรวจที่ได้มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด มาก่อนหน้านี้ ในพื้นที่สาธารณะที่อยู่ในเขตอำนาจความรับผิดชอบของสถานีตำรวจนั้นๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินโครงการนวัตกรรมการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในเขตกรุงเทพมหานคร (Miracle Eyes) ต่อไปเช่น เพื่อใช้ในการพิจารณาพื้นที่ที่จะต้องติดตั้ง จำนวนและวิธีการติดตั้งการบริหารจัดการ การบำรุงรักษา ฯลฯ ซึ่งจะทำให้การป้องกันและปราบอาชญากรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรตำรวจและประชาชนทั่วไปได้อย่างแท้จริง

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เลอวงศ์รัตน์ และคณะ ก. (2015). การศึกษาหาแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพในการนำเทคโนโลยีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) มาใช้ในการสนับสนุนการบริหารงานของสถานีตำรวจ : ศึกษากรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล. วารสารกระบวนการยุติธรรม, 8(2), 79–96. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JTJS/article/view/246393
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ศูนย์เทคโนโลยีฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"สถิติอาชญากรรมคดีอาญา 5 กลุ่ม พ.ศ. 2554-2556." [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : http://pitc.olice.go.th/2014/,25 มีนาคม 2556.
สส. การกำหนดจุดติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อระวังป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่เสี่ยงเพื่อระวังป้องกันอาชญากรรม. บันทึกข้อความที่ 0033214/2207, 2 ตุลาคม 2555.
IRIS Research Ltd. Australia Council's CCTV Survey 2005. Wollongong, IRIS Research, 2005.
Jeffery, Ray C. Crime Prevention through Environmental Design. Second Edition. Beverly Hills, CA: Sage, 1977.