การสรุปผลการศึกษาทบทวนและเตรียมความพร้อมเพื่อการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชน ปี พ.ศ.2557
Main Article Content
บทคัดย่อ
การสำรวจข้อมูลอาชญากรรมจากผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมโดยตรง (Crime Victimization Survey) เป็นรูปแบบหนึ่งในการรวบรวมสถิติปัญหาอาชญากรรมเพื่อสะท้อนความจริงจากประชาชนโดยตรง มีประโยชน์สำหรับนำไปใช้เปรียบเทียบกับข้อมูลอาชญากรรมที่จัดทำขึ้นในระบบงานยุติธรรมอลัช่วยเสริมข้อมูลในมิติด้านต่างๆ ที่การเก้บข้อมูลในระบบยังไม่ได้จัดเก็บให้ครอบคลุมมากขึ้น ที่ผ่านมาการบันทึกข้อมูลสถิติอาชญากรรมจากตำรวจถูกตั้งคำถามว่าอาจจะไม่สามารถสะท้อนข้อเท็จจริงของปัญหาอาชญากรรมได้ครอบคลุมเพียงพอ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการรวบรวมข้อมูล เพราะส่วนใหญ๋จะเป็นข้อมูลที่บันทึกจากเหยื่ออาชญากรรมที่เดินเข้ามา (walk-in) ซึ่งมักจะเป็นลักษณะการเข้ามาแจ้งเหตุหรือเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความตั้งใจของเหยื่ออาชญากรรมเอง ข้อมูลที่ยัรทึกอาจมีการตกหล่นไม่สามารถบรรข้อมูลเข้าระบบได้ทั้งหมด ผู้เสียหายจากอาชญากรรมจำนวนหนึ่งไม่ได้เข้ามาแจ้งเหตุหรือแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงหลักจากประสบเหตุด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ไม่สะดวก วิตกกังวล หวาดกลัว หรืออับอาย ไม่ต้องการให้เหตุที่เกิดขึ้นกลายเป็นคดีความ จึงทำให้ข้อมูลบางส่วนขาดหายไป ข้อมูลที่ตกหล่นไม่ปรากฎให้เห็นเรียกได้ว่าเป็นสถิติมือ (Dark Figure) หรือข้อมูลอาชญากรรมที่ไม่มีการบันทึกลงไปในสารบบ
นอกจากนี้การเก็บข้อมูลปัญหาอาชญากรรมในระบบงานยุติธรรมยังมีปัญหาในเชิงนโยบายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะหลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติของหน่วยงานภาครัฐ ที่มักจะนำเอาตัวเลขสถิติปัญหาๆ มาใช้ในการประเมินผลการทำงานของหน่วยงาน หน่วยงานตำรวจเองก็ถูกประเมินในลักษณะดังกล่าวด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงทำให้มีโอกาสเป็นไปได้ว่าข้อมูลสถิติอาชญากรรมที่ถูกบันทึกลงในระบบงานตำรวจนั้นอาจจะยังไม่ครบถ้วน ไม่สามารถสะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงได้ เนื่องจากข้อมูลสถิติอาชญากรรมนั้นกำลังบ่งบอกความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงาน จากปัญหาข้อจำกัดต่างๆ สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรมจึงได้มีแนวคิดริเริ่มที่จะหารูปแบบวิธีการอื่นในการสำรวจข้อมูลเพื่อสะท้อนสถิติปัญหาอาชญากรรมจากประชาชนโดยตรงนอกเหนือจากการใช้ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในระบบปกติ
ปีงบประมาณ 2548 สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรมได้เริ่มพัฒนาโครงการสำรวจข้อมูลอาชญากรรมจากผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม โดยเก็บข้อมูลนำร่งในเขตกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาคในจังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาในปีงบประมาณ 2550 ได้จัดทำโครงการสำรวจข้อมูลอาชญากรรมจากผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทั่วประเทศโดยตรงอย่างเป็นทางการ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนในส่วนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม ข้อมูลที่ไม่ได้รายงานเหตุต่อเจ้าหน้าที่ คดีที่ไม่ได้ถูกบันทึกจากการรับแจ้งคดีอาชญากรรมที่กว้างขวางครอบคลุมมากขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะได้ข้อมูลที่สะท้อนข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับความจริงมากขึ้น และ นำมาใช้กำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถเตรียมตัวตั้งรับกับสถานการณ์อาชญากรรมที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชน จะครอบคลุมถึงลักษณะของเหยื่ออาชญากรรม ลักษณะของผู้กระทำผิด พฤติการณ์แห่งคดี เวลาและสถานที่เกิดเหตุ ความเสียหายและผลกระทบจากอาชญากรรม การรายงานเหตุต่อเจ้าหน้าที่ รวมถึงการตอบสนองต่ออาชญากรรมที่ได้รับแจ้งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นสำนักงานกิจการยุติธรรมก็ได้ทำการขยายการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนไปทั่วประเทศ และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 เป็นต้นมา
ในปีงบประมาณ 2555 ได้มีการทำสำรวจสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนทั่วประเทศโดยความร่วมมือกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำการสำรวจข้อมูลการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมของประชาชนทั่วประเทศในทุกจังหวัด ภายใต้โครงการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนปี พ.ศ. 2555 ซึ่งในการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนดังกล่าวได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงานผลการสำรวจและข้อค้นพบสำคัญเพื่อเผยแพร่ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแก่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมสถาบันการศึกาาและสาธารณชนเพื่อทำความเข้าใจปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ในทางวิชาการและใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเตรียมความพร้อมให้กับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมในการกำหนดนโนบายและแนวทางปฏิบัติงานสำหรับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม
หลักการการสำรวจในปี 2555 ได้มีการจัดทำรายงานประเมินผลการสำรวจสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนโดยวิเคราะห์ถึงประเด็นข้อมูลที่เป็นปัญหา ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแบบสำรวจ ข้อเสนอประเด็นที่ควรสำรวจเพิ่มเติมรวมทั้งนำเสนอปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการทำสำรวจ เพื่อนำมาพัมนาแนวทางการดำเนินงานและเตรียมการสำรวจสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนทั่วประเทศในครั้งต่อไป
จากการประเมินผลการศึกษาในครั้งนั้นได้พบข้อจำกัดบางประการ ที่ทำให้การสำรวจลดทอนความถูกต้องแม่นยำในการสะท้อนภาคปัญหาอาชญากรรม ศูนย์พัฒนาข้อมูลกระบวนการยุติธรรม สำนักงานกิจการยุติธรรมกระทรวงยุติธรรมจึงได้พยายามพัมนาวิธีการศึกษาวิจัยให้มีประสิทธิภาพ รัดกุมมากขึ้น และได้ร่วมมือกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ ดำเนินการศึกษาวิจัย "โครงการทบทวนและเตรียมความพร้อมเพื่อการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนปี พ.ศ. 2557" ในครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ประการแรกเพื่อวิเคราะห์ทบทวนเนื้อหาแบบสอบถามในโครงการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชนในครั้งที่ผ่านมา ประการที่สองเพื่อวิเคราะห์ทบทวนวิธีการสำรวจและการสุ่มตัวอย่างให้มีประสิทธิภาพและสะท้อนถึงการเกิดปัญหาอาชญากรรมที่แท้จริง ประการที่สามพัฒนาเนื้อหาในแบบสอบถามการสำรวจคัร้งต่อไปให้สามารถเข้าถึงผู้ตอบได้ง่ายขึ้น และทำให้การเก็บข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดำเนินโครงการในช่วงระหว่างเดือนเมษายน 2556 - พฤษภาคม 2557
ขอบเขตการศึกษามีดังนี้ 1) ศึกษาวิเคราะห์ปัญหา/สาเหตุของข้อจำกัดในการสำรวจครั้งที่ผ่านมาว่ามีผลต่อการทำให้ข้อมูลที่ได้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์อาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่อย่างไร โดยการศึกษาข้อมูลจากเอกสารและผลงานสำรวจสวิจัยที่เคยดำเนินการมาการศึกษาดูงานจากหน่วยงานตำรวจในพื้นทที่ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดระบบบันทึกข้อมูลสถิติอาชญากรรมตลอดจนศึกษาความคิดเห็กจากผู้เชี่ยวชาญ/ผู้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative Method) 2) การพัฒนาเครื่องมือวัด (Measurement) หรือแบบสอบถามในการสำรวจ โดยนำประเด็นข้อปัญหาในการเก้บข้อมูลครั้งก่อนหน้ามาพิจารณาแก้ไขและปรับปรุงแบบสอบถามต่อไป มีการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีประาสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานสำรวจที่ผ่านมา และจากการศึกษากลุ่มประชาชนที่มีคุณลักษณะสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายในรูปของการสนทนากลุ่ม (Focus Group) และการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) 3) การศึกษาเพื่อนำเสนอวิธีการสำรวจ และการสุ่มตัวอย่างให้เป็นไปตามหลักวิชาการ สอดคล้องกับระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์ (Social Science Research) 4) ดำเนินการศึกษาวิจัยนำร่องเพื่อทดสอบแบบถามด้วยการสำรวจกลุ่มเป้าหมายประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และตัวอย่างตัวแทนจังหวัดในภูมิภาค 4 ภูมิภาค และ 5)การสัมมนาเพื่อนำเสนอผลการศึกษาและรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาปรับปรุงแนวทางศึกษาต่อไป
Article Details
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารกระบวนการยุติธรรม แต่ความคิดเห็นที่ปรากฏในเนื้อหาของบทความในวารสารกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2547). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. กรุงเทพ : จามจุรีโปรดักท์.
รณภพ พรอรุณ, พ.ต.ท. (2542) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะเศรษฐกิจกับอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา. ชลบุรี : มหาวิทยาลัยบูรพา.
http://reg.ksu.ac.th/teacher/kanlaya/1.html เข้าถึงเมื่อ 15 พ.ค. 2556
http://sites.google.com.site/criminallawnr/xachyakrrm-ni-sangkhm/xachyakrrm-laea-xachyakr เข้าถึงเมื่อ 15 พ.ค. 2556
http://ww.elearning.msu.ac.th/opencourse/0109501/Unit08/unit08_023htm เข้าถึงเมื่อ 15 พ.ค. 2556
http://www.gotoknow.org/posts/173824 เข้าถึงเมื่อ 15 พ.ค. 2556
http://www.learners.in.th/blogs/posts/292742 เข้าถึงเมื่อ 15 พ.ค. 2556
http://www.learners.in.th/blogs/posts/387069 เข้าถึงเมื่อ 15 พ.ค. 2556
http://www.polsci.chula.ac.th/sumonthip/cri-crimedef.htm เข้าถึงเมื่อ 15 พ.ค. 2556
http://www.polsci.chula.ac.th/sumonthip/cri-stat/htm เข้าถึงเมื่อ 15 พ.ค. 2556