Disability issue perceptions: Disability rights and disability as a social problem การรับรู้ประเด็นความพิการ: สิทธิคนพิการและความเป็นปัญหาสังคม

Main Article Content

Pisanu Sanigampongsa

Abstract

         บทความวิจัยนี้ มุ่งอธิบายสภาพชีวิตของประชากรคนพิการไทย    จากวรรณกรรมด้านคนพิการไทย บทความนี้ฉายภาพชีวิตที่ด้อยโอกาสของคนพิการ ซึ่งน่าจะสะท้อนรูปแบบสามประการ  กล่าวคือ คนพิการมีความรู้สึกขาดสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน  ที่น่าจะเป็นผลมาจากสวัสดิการคนพิการที่ไม่เพียงพอ  ขาดประสิทธิภาพ  และคุณภาพ     นอกจากนี้ สาธารณชน ที่แม้จะอยู่ในสังคมเดียวกันกับคนพิการ แต่ขาดความสนใจในประเด็นความพิการ   งานวิจัยนี้ จึงได้ระบุบุคคลสามกลุ่ม คือคนพิการ    บุคลากรในภาครัฐที่ปฏิบัติงานด้านสวัสดิการสังคม    และสาธารณชนทั่วไป ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปแบบสามประการข้างต้น      จากการใช้กรอบแนวคิดนโยบายสาธารณะเรื่องการนิยามประเด็นปัญหา บทความนี้มีสมมติฐานว่า การที่บุคคลสามกลุ่มนี้ มีมุมมองแตกต่างกันในประเด็นความพิการ เป็นที่มาของสภาวการณ์ และสภาพชีวิตคนพิการไทย   หรือกล่าวอย่างจำเพาะเจาะจงได้ว่า บทความนี้คาดว่าจะค้นพบความแตกต่างในมุมมองด้านสิทธิคนพิการ และความเป็นปัญหาสังคมในประเด็นความพิการ

           สำหรับระเบียบวิธีวิจัย งานวิจัยนี้ใช้วิธีการสำรวจแบบตัดขวาง เพื่อศึกษามุมมองในประเด็นความพิการในหนึ่งช่วงเวลา   และใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณด้วย One-way analysis of variance และ Tukey post hoc tests   ตลอดจน Chi square, goodness-of-fit tests และ Cross-tabulation เพื่อพิสูจน์ความแตกต่างของมุมมองดังกล่าว

            ผลการศึกษาเชิงประจักษ์ส่วนใหญ่ตรงกับสมมติฐาน  กล่าวคือ คนพิการมีมุมมองเชิงบวกกับสิทธิคนพิการ ในฐานะเป็นสิทธิพิเศษทางสังคม  และมองความพิการเป็นปัญหาสังคม มากกว่ากลุ่มคนที่ไม่พิการอีกสองกลุ่ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ      จากการใช้ทฤษฎีนโยบายสาธารณะเรื่องการนิยามปัญหา โดยเฉพาะใน Kingdon (2003 และ 2005) และ Blankenau (2001) งานวิจัยนี้อภิปรายว่า มุมมองที่แตกแยกในประเด็นความพิการ เป็นเหตุให้ขาดจุดศูนย์รวมในความสนใจต่อปัญหา และการแก้ไขปัญหาในภาครัฐ   นอกจากนี้ ภาครัฐจะตอบสนองมุมมองของสาธารณชน ที่เมินเฉยต่อประเด็นความพิการ โดยมองข้ามความสำคัญของประเด็นความพิการไป  พร้อมกับหันไปให้ความสำคัญแก่ประเด็นอื่น ๆ ที่สังคมดูจะให้ความสำคัญมากกว่า   ซึ่งการกระทำดังนี้ จะทำให้รัฐได้ประโยชน์เชิงการเมือง มากกว่าที่จะตอบสนองประเด็นความพิการ ที่สังคมไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าใดนัก (Van Horn, Baumer, & Gormley, 2001; Ramesh, 2000; Yu, 1996; Crone, 1993)            

           สำหรับผลที่ตามมาก็คือ สภาพการณ์ด้านความพิการ และสภาพชีวิตที่ด้อยโอกาส  ตลอดจนสวัสดิการคนพิการที่ด้อยคุณภาพ จึงยังคงอยู่     และจากการอภิปรายของ Kingdon (2003 และ 2005) และ Blankenau (2001) บทความวิจัยนี้เสนอแนะว่า คนพิการน่าจะหันไปให้ความสำคัญแก่สิ่งแวดล้อมเชิงการเมืองและนโยบาย ภายในประเด็นความพิการให้มากขึ้น  ทั้งนี้อาจผ่านกลุ่มที่คนพิการจัดตั้งขึ้น เช่นสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความพิการ   คนพิการอาจจะพยายามแพร่ขยายประเด็นความพิการให้เป็นที่รับรู้สาธารณะให้มากขึ้น   หรืออาจพยายามเข้าไปเป็นส่วนประกอบของการปฏิบัตินโยบายสาธารณะด้านความพิการ  ตลอดจนอาจอาศัยความช่วยเหลือของบุคคลสำคัญเชิงสังคม ในฐานะเป็นผู้ประกอบการนโยบายด้านความพิการ   โดยความพยายามของประชากรคนพิการนี้ ก็เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาในประเด็นความพิการ ภายในกระบวนการนโยบายสาธารณะ

Article Details

Section
Articles