ผลกระทบจากการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่อการปลูกอ้อยภายในประเทศไทย Effect of Gasohol Production on Sugarcane Planting in Thailand

Main Article Content

วนิดา นรเศรษฐ์โศภน

Abstract

      วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้ เพื่อสืบค้นเกี่ยวกับผลกระทบจากการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่อการปลูกอ้อยภายในประเทศไทย โดยทั่วไปจะใช้เอทานอลบริสุทธิ์ความเข้มข้น 99.5 เปอร์เซ็นต์ทดแทนสาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) (ซึ่งสารตัวนี้ปกติใช้สำหรับเพิ่มค่าออกเทนในน้ำมันแก๊สโซลีน) เพื่อผสมกับน้ำมันแก๊สโซลีน (น้ำมันเบนซิน) ในอัตราส่วน 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อผลิตแก๊สโซฮอล์ที่มีค่าออกเทน 95  ซึ่งวัตถุดิบที่สามารถใช้ในการผลิตเอทานอลมีด้วยกันหลายชนิด ได้แก่ อ้อย กากน้ำตาล มันสำปะหลัง มันเทศ มันฝรั่ง ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวฟ่างหวาน เป็นต้น ปัจจุบันวัตถุดิบที่นิยมใช้ในการผลิตเอทานอลภายในประเทศไทย ได้แก่ กากน้ำตาลและมันสำปะหลัง กากน้ำตาลเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลจากอ้อยที่ไม่สามารถจะสกัดเอาน้ำตาลออกมาได้อีกโดยวิธีปกติ   ในหลายๆประเทศรวมทั้งประเทศไทย นิยมใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล (กากน้ำตาล 1 ตันสามารถผลิตเอทานอลได้ 260 ลิตร) เพื่อใช้ในการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยพบว่าสามารถลดอุปทานส่วนเกินของเอทานอลในท้องตลาดลงได้มาก อีกทั้งส่งผลทำให้ระดับราคาของเอทานอลเพิ่มสูงขึ้นได้ด้วย หากเลิกใช้แก๊สโซลีน 95 และใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีเอทานอลเป็นส่วนผสมในอัตราส่วนที่สูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์เป็นเชื้อเพลิงทดแทน และพบว่าต้องมีการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก หากมีการใช้เอทานอลผสมกับน้ำมันแก๊สโซลีนในอัตราส่วนที่สูงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์หรือที่เรียกว่า E40

Article Details

How to Cite
นรเศรษฐ์โศภน ว. (2012). ผลกระทบจากการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่อการปลูกอ้อยภายในประเทศไทย Effect of Gasohol Production on Sugarcane Planting in Thailand. NIDA Development Journal, 49(1), 1–26. Retrieved from https://so04.tci-thaijo.org/index.php/NDJ/article/view/2873
Section
Articles