ประสิทธิผลการดำเนินงานการผลิตหัตถอุตสาหกรรม สินค้าเซรามิก ของผู้ประกอบการในเขตพื้นที่จังหวัดลำปาง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประเมินประสิทธิผล วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และศึกษาความ สัมพันธ์เชิงเหตุผลตามแบบจำลองประสิทธิผลการดำเนินงานการผลิตหัตถอุตสาหกรรมสินค้าเซรามิก ของผู้ประกอบ การในเขตพื้นที่จังหวัดลำปาง ข้อมูลจากแบบสอบถามของผู้ประกอบการ 127 คน จากทั้งหมด 183 โรงงาน ถูกวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมชุดค่าสถิติคอมพิวเตอร์ ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการ ในภาพรวมทุกด้าน อยู่ในระดับต่ำ (p< .05) และเมื่อพิจารณา ภาพรวมของแต่ละด้าน พบว่า ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ อยู่ในระดับสูง ส่วนที่อยู่ในระดับต่ำคือด้าน การจัดการความรู้ การจัดการเครือข่าย ส่วนประสมการตลาด และ ประสิทธิผลในการดำเนินงาน 2) องค์ประกอบเชิงยืนยันที่สำคัญตามแบบจำลองคือ ก) ด้านการจัดการความรู้ - มี 4 องค์ประกอบสำคัญและที่สำคัญอันดับแรกคือ การสร้างความรู้ ข) ด้านการจัดการเครือข่าย - มี 1 ใน 3 องค์ประกอบสำคัญคือ การจัดการทรัพยากรภายในโรงงาน ค) ด้านคุณภาพผลผลิต - มี 5 ใน 6 องค์ประกอบสำคัญ และที่สำคัญอันดับแรกคือ ลักษณะการออกแบบผลิตภัณฑ์ ง) ด้านส่วนประสมทางการตลาด - มี 4 องค์ประกอบ สำคัญและที่สำคัญอันดับแรกคือ ผลผลิต และ จ) ด้านประสิทธิผล (ความสำเร็จ) การดำเนินงาน - มี 4 องค์ประกอบ สำคัญและที่สำคัญอันดับแรกคือ มิติการเงิน และ 3) แบบจำลองสมการโครงสร้างเป็นไปตามข้อตกลงทางสถิติคือ Chi-square = 130.51, df = 181, p-value = 0.997, RMSEA = 0.000 สรุปได้ว่า ประสิทธิผลการดำเนินงานการ ผลิตหัตถอุตสาหกรรมสินค้าเซรามิกของผู้ประกอบการในจังหวัดลำปาง จะได้รับอิทธิพลทางตรงมาจาก 4 ปัจจัย สำคัญคือ คุณภาพของผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับสูง(Direct Effect=0.81) ในขณะที่ปัจจัยต่อไปนี้อยู่ในระดับต่ำคือ การ จัดการความรู้ (Direct Effect=0.19) การจัดการเครือข่ายองค์การ (Direct Effect=0.19) และ ส่วนประสมทางการ ตลาด (Direct Effect=0.13) โดยปัจจัยทั้งสี่ดังกล่าวสามารถทำนายประสิทธิผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการ ทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ร้อยละ 75.10 อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
Article Details
บทความที่ปรากฏในวารสารนี้ เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ซึ่งสมาคมนักวิจัยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป การนำเสนอผลงานวิจัยและบทความในวารสารนี้ไปเผยแพร่สามารถกระทำได้ โดยระบุแหล่งอ้างอิงจาก "วารสารสมาคมนักวิจัย"
เอกสารอ้างอิง
ปรีดา พิมพ์ขาวขำ. (2547). เซรามิกส์. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พรชนก ทองลาด. (2549). อิทธิพลของพรหมวิหารธรรมที่มีต่อความพึงพอใจในการทำงานและปฏิบัติงานของพนักงาน โรงงานเซรามิกในภาคเหนือตอนบน. ดุษฎีนิพนธ์สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ยงยุทธ เศรษฐกร. (2547). รายงานการวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์และความพึงพอใจในการ ทำงานของพนักงานโรงงานเซรามิก จังหวัดลำปาง. ลำปาง: สถาบันราชภัฎลำปาง.
วาสนา สำเภาจันทร์. (2547). กลยุทธ์การตลาดของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ กรณีศึกษาอุตสาหกรรม ประเภทเครื่องประดับเงินสเตอริงในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวทิยาลยัธรรมศาสตร.์
วิจารณ์ พานิช. (2549). การจัดการความรู้ฉบับนักปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: สุขภาพใจ. ศีจ ศิริไกร. (2555). “ธุรกิจไทยกับการใช้ความรู้บริหารการปฏิบัติการ,” วารสารบริหารธุรกิจ, 35(134), 46-64. ศิริวรรณ เสรีรัตน์. (2543). หลักการตลาด. กรุงเทพมหานคร: ธีระฟิล์มและไซแท็กซ.์
สำนกังานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม. (2554). สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2554 และแนวโน้มปี 2555. ค้นเมื่อ 11 มกราคม 25550, จาก http://www.oie.go.th/academic
สุทธู ศรีไสย์. (2551). สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัยทางสังคมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: จิราภาการพิมพ์.
Beesley, L., & Cooper, C. (2008). “Defining knowledge management (KM) activities: Towards consensus.” Journal of Knowledge Management, 12(3), 48-62. Casson M. & Cox, H. (2008) “An Economic Model of Inter-Firm Networks” in Casson, M. and Giusta, M. (eds.) The Economics of Networks, Edward Elgar, Cheltenham Drucker, P. F. (1994). Innovation and entrepreneurship: Practice and principles. London: Heinemann. Kanungo, R. N. (1999). Entrepreneurship and innovation: Models for development. London: Sage. Kaplan, R.S., & Norton, D. P. (1992). “The balanced scorecard-measures that drive performance.” Harvard Business Review, 83(7-8), 172-180. Kline, R.B. (1998). Principles and practice of structural equation modeling. New York: Guild Press. Kotler, P. (2001). Principle of marketing. New Jersey: Prentice-Hall. Porter, M. E. (1985). “Technology and competitive advantage.” Journal of Business Strategy, 5(3), 60-78. Liu, P.L., Chen, W.C., & Tsai, C. H. (2004). An empirical study on the correlation between knowledge management capability and competitiveness in Taiwan’s industries. Technovation, 24, 971977. Steiger, J. H. (1990). “Structural model evaluation and modification: An interval estimation approach.” Multivariate Behavioral Research, 25(2), 173-180. Ullman, J. B. (2001). Structural equation modeling. In B. G. Tabachnick & L. S. Fidell (Eds.), Using multivariate statistics (4th ed., pp. 653–771). Boston, MA: Allyn & Bacon. Urabe, K., Child, J., & Kagono, T. (1988). “Innovation and management: International comparisons,” In The concept of Fit in Contingency Theory. Berlin: Walter de Gruyter& Co. Zhao, F. (2001). Managing innovation and quality of collaborative R & D. Melbourne: International & 8th National Research Conference.