การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา

Main Article Content

สมศรี เรืองแก้ว
ประกอบ ใจมั่น
จิราพร วัฒนศรีสิน

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา  2) ประเมินทักษะการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของนักเรียนโดยใช้รูปแบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา และ 3) ประเมินความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี ในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา    กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนสังกัดชุมนุมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 32 คน    ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ คู่มือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา แบบประเมินทักษะการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์เนื้อหา การหาค่าดัชนีความสอดคล้อง และใช้โปรแกรมสำเร็จรูป วิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบค่าที


ผลการวิจัย พบว่า


  1. รูปแบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษามีองค์ประกอบ 4 ด้านคือ ด้านร่างกายด้านจิตใจ ด้านสังคม ด้านสติปัญญา และขั้นตอนการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของนักเรียน มี 6 ขั้นตอน คือ

  2. ขั้นประเมินผลก่อนเรียน 2. ขั้นเตรียมความพร้อม 3. ขั้นการให้ลงมือกระทำ4. ขั้นการปรับปรุงและประยุกต์ใช้5. ขั้นการสร้างลักษณะนิสัย 6. ขั้นการประเมินผลหลังเรียน

  3. ผลการประเมินทักษะการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของนักเรียน หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนทั้ง  4 ด้าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05คือ จากตาราง  t จุดหลักมีค่า 2.04 ค่า t ทางด้านร่างกายเท่ากับ 22.37 ด้านจิตใจเท่ากับ 20.36 ด้านสังคมเท่ากับ 19.94 และด้านสติปัญญาเท่ากับ 19.92  ซึ่งสูงกว่าจุดหลัก

  4. ความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก(x̅= 4.34)

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรรณิกา ปัญญาวงศ์ และพนัส พฤกษ์สุนันท์. (2555). เอกสารประกอบการเรียนวิชาการดูแลสุขภาพแบบ
องค์รวม. คณะศิลปะศาสตร์ สาขาวิชาการจัดการสุขภาพชุมชน สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน.

จุมพล รามล. (2560). พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองแบบองค์รวมของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต. วิทยานิพนธ์หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชา
วิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

นราภรณ์ ขันธะบุตร (2552). การพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพองค์รวมสำหรับนักเรียนชาย
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีภาวะอ้วน. วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต.
สาขาวิชาพลศึกษา ภาควิชาหลักสูตร การสอนและเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุรดา จันดีกระยอม และชนกพร จิตประสาร. (2557). การดูแลและการจัดการสุขภาพ. มหาสารคาม:
สำนักนักศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

สุวิมลรัตน์ รอบรู้เจน. (2560). การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ สำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุ อำเภอ
วารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์  ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 หน้า 57- 69 

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (27 ธันวาคม 2555). เด็กไทยรอบปี 55 น่าห่วงขาด
ทักษะชีวิต ติดเหล้าบุหรี่ไม่ลดลง. Web site.http://www.thaihealth.or.th/Content/14516

-----------. (14 มกราคม 2556). เปิดผลสำรวจทักษะของเด็กไทยในศตวรรษที่ 21.
Web site. http://www.qlf.or.th/Home/Contents/570.

Bloom, B. S. (1956). Taxonomy of educational objectives. (Handbook II: The affective domain). New York: David Mckay

Glaser. (1965). Barney G. Glaser. Issue 12, Issue 4 (Spring, 1965) Published by: Oxford
University Press on behalf of the Society for the Study of Social Problems.

Harrow, A.J. (1972). A taxonomy of the psychomotor domain: A Guide for Developing
Behavioral Objectives New York: David McKay.

Landrum et.al, (1993). Mental Health Psychiatric Nursing A Holistic Life-Cycle Approach.

Simpson. D. Teaching physical education: A system approach. Boston: Houghton Mufflin Co.
Tyler, Ralph W. (1950). Basic principles of curriculum and instruction. Chicago: University of Chicago.
Web site. http://healthylife4000111.blogspot.com/2013/01 /1_27.html

World Health Organization. (1996). Promoting health through school. Geneva: World Health

Translated Thai Reference
Kannika Panyawong and Phanat Pruksunan. (2012). Documentation for learning about health
careHolistic. Faculty of Arts Community Health Management Program Learning Institute for All. (In Thai).

Chumphon Ram. (2017). Holistic self-care behavior of first year students. Thammasat
University, Rangsit Center. Master of Education Program Thesis. Branch Anti-aging and health rehabilitation
technology College of Integrative Medicine Dhurakij Pundit University. (In Thai).

Naraporn Khantabudr. (2009). The development of a holistic health promotion model for male students  Upper secondary level with obesity.
Dissertation, Doctor of Education Degree Program. Physical Education Program Department Teaching and Educational
Technology Faculty of Education  Chulalongkorn University. (In Thai).

Surada Chanddi Kraomom and Chanokpornjitprasarn. (2014). Health care and management.
Maha Sarakham: Bureau General student Mahasarakrm university. (In Thai).

Suwimonrat Robunjen. (2017). The development of elderly health care model. For the elderly caregivers of the district Warin Chamrap,
Ubon Ratchathani Province. Journal of Narathiwat Rajanagarindra University, Year 9, Issue 3 Pages 57- 69. (In Thai).

Department of Health. (27 December 2012). Thai children around the year 55 is worrisome. 
Life skills, alcohol dependence, cigarettes do not decrease. Web site. pttp://www.thaihealth. or.th /Content/14516. (In Thai).

----------(14 January 2013). Opening the survey of Thai children's skills in the 21st century.
Web site. http://www.qlf.or.th/Home/Contents/570. (In Thai).