ความรู้ทัศนคติและการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมในประเทศไทยและเวียดนาม

บทคัดย่อ

งานวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาเปรียบเทียบระดับความรู้ ทัศนคติ และการปรับตัขององค์การใน การเข้าสู่ประชาคมเศษรฐกิจอาเซียนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระหว่างผู้ประกอบการจากประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้ประกอบการจากประเทศเวียดนามซึ่งประเทสสมาชิกใหม่ของอาเซียน และ (2) ศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้และทัศนคติของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกับระดับการเตรียมความพร้อมเมื่อเกิด การเปลี่ยนแปลงจากการเป็นประชาคมเศษรฐกิจอาเซียน การศึกษานี้ใช้ระเบียบวิจัยเชิงปริมาณโดยนำแบบสอบถามเป็น เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลผู้ประกอบการวิสากิจขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวน 414 หน่อย ตัวอย่าง ประกอบด้ย ผู้ประกอบการจากประเทศไทยและประเทศเวียดนามจำนวน 222 และ 192 หน่วยตัวอย่างตามลำดับ โดยเก็บรวบรวม ข้อมูลในระหว่างเดือนมกราคม - กันยายน 2557 ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมจากประเทศไทยมีระดับการรับรู้และทัศนคติที่มีต่อประชาคมเศษรฐกิจอาเซียนที่สูงก่าผู้ประกอบการจาก ประเทศเวียดนามในมิติต่างที่ทำการศึกษา นอกจากนี้ การปรับตัวของผู้ประกอบการไทยยังมีระดับการปรับตัวเพื่อรองรับ การเข้าสู่ประชาคมเศษรฐกิจอาเซียนเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงกว่าผู้ประกอบการจากเวียดนามในมิติของการดำเนินงาน ทรัพยากรมนุย์ การเงินและนัตกรรมอย่างมีวินัยสำคัญทางถิติที่ระดับ 0.05 อีกด้วย นอกจากนี้ ผลจากทดสอบ ความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ โดยใช้สมการโครงการ (SEM) พบว่า ปัจจัยด้านความรู้นำไปสู่การมีทัศนคติเชิงบวกของ ผู้ประกอบการได้ในระดับสูง ในขณะที่มีผลต่อการปรับตัวขององค์การอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ทั้งนี้มีค่าดัชนีคาม เหมาะสม χ2 = 212.28, df = 107, χ2/df = 1.98, GFI = 0.94, RMSEA = 0.04 อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาได้ชี้ให้ เห็นว่าแม้ว่าขณะที่ทำการศึกษานั้นจะเป็นเวลาใกล้สู่การเป็นประชาคมเศษรฐกิจอาเซียนภายในปี 2558 แต่ระดับการรู้ เกี่ยวกับการเป็นประชาคมเศษรฐกิจอาเซียนของผู้ประกอบการยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากประเทศ เวียดนาม ทั้งนี้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากทั้งสองประเทศเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่มีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศษรฐกิจอาเซียน ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แม้ว่าการร่วมมือทางเศษรฐกิจของประเทศสมาชิก อาเซียนได้มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานตลอดจนการบูรณาการทางเศษรฐกิจเพื่อเป็นประชาคมเศษรฐกิจอาเซียนกำลัง จะเสร็จสมบูรณ์อีกไม่นานนี้ ทว่าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศสมาชิกตัวอย่างยังมีความรู้ที่ไม่เพียงพอ และอาจไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับภาพแวดล้อมของการแข่งขันที่มีแนวโน้มเป็นไปอย่างรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนมากมีการจัดตั้งหน่วยงานที่สนับสนุนและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ของตนให้มีคามเข้มแข็ง แต่ดูเหมือนว่าความพยายามดังกล่าอาจจะยังไม่เพียงพอ ภาครัฐจึงครต้องเร่งดำเนินการเพิ่ม บทบาทในเชิงการเป็นผู้นำให้มากก่าเดิมเพื่อที่จะทำเกิดกลไกและสร้างกฎเกณฑ์ที่มีประิทธิภาพอันเป็นการสร้าง ผลประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้อย่างแท้จริง ซึ่งรวมถึงการให้การสนับสนุนด้าน เทคนิค การสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการระหว่างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่เพื่อเสริม สร้างการเรียนรู้และช่วยกันพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีศักยภาพและเพื่อให้บรรลุเป้ามายการเติบโตอย่าง ยั่งยืนในประชาคมเศษรฐกิจอาเซียนต่อไป