การรับรู้ของสามีกับบทบาทบิดาในระยะภรรยาตั้งครรภ์ บ้านนาเจริญ อําเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี

Main Article Content

ดร.พัทยา แก้วสาร
พิสมัย วงศ์สง่า

บทคัดย่อ

การดูแลสุขภาพมารดาและทารกในระยะตั้งครรภ์มีความสําคัญและความจําเป็นอย่างยิ่งทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้า หมาย ลูกเกิดรอดแม่ปลอดภัย ตามข้อตกลงขององค์การอนามัยโลก มีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อสุขภาพของมารดา ทารก บทบาทของบิดาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสําคัญในการส่งเสริมสุขภาพของมารดา ทารก ในระยะตั้งครรภ์ วัตถุประสงค์การวิจัยเชิงพรรณนาในครั้งนี้เพื่อศึกษา การรับรู้ของสามีกับบทบาทบิดาในระยะภรรยาตั้งครรภ์บุตรคน แรก ที่รับบริการฝากครรภ์ที่สถานีอนามัยนาเจริญอําเภอเดชอุดมจังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างเดือน ตุลาคม ถึง เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2553จํานวน 38 ราย โดยใช้ แบบสอบถามการรับรู้กับบทบาทบิดา การปฏิบัติ ต่อภรรยาในระยะตั้ง ครรภ์ ประกอบด้วย 5 ด้านคือ (1) ด้านการยอมรับการตั้งครรภ์ (2) ด้านการสร้างความสัมพันธ์กับทารกในครรภ์ (3) ด้านการรับรู้การเปลี่ยนแปลงของตนเอง (4) ด้านการเตรียมตัวเพื่อการคลอดการดําเนินบทบาทบิดาและ (5) ด้านการ รับรู้การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์กับคู่สมรส วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานผลการศึกษาการรับรู้บทบาทของกลุ่มตัวอย่างคะแนนค่าเฉลี่ยรายด้านทั้ง 5 ด้านอยู่ในระดับปาน กลางนําไปสู่การอภิปรายได้ 4 ประเด็นคือ 1) พฤติกรรมการยอมรับการตั้งครรภ์ 2)การสร้างสัมพันธภาพกับทารก 3)การ เปลี่ยนแปลงของตนเองเพื่อพัฒนาสู่บทบาทการเป็นบิดา 4)การปรับความสัมพันธภาพกับภรรยาพบว่าการรับรู้ของกลุ่ม ตัวอย่างเป็นการรับรู้ที่นําไปสู่การเตรียมตนเองสู่บทบาทบิดา แต่ยังมีความกังวลในด้านความรู้ ภาระการใช้จ่ายเงินใน ครอบครัวดังนั้นผลการวิจัยครั้งนี้สามารถนําไปใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมให้สามีมีความรู้ ความเข้าใจ และให้ความ สําคัญในการดูแลภรรยาในระยะตั้งครรภ์ มีความพร้อมสําหรับบทบาทการเป็นบิดาให้มากขึ้นโดยเน้นกระบวนการและ วิธีการส่งเสริมให้สามีความรู้ ความเข้าใจ ความต้องการรายบุคคล เพื่อให้มีความมั่นใจและสามารถปรับบทบาทตนเอง และการเลี้ยงดูบุตรอย่างถูกต้อง และเหมาะสมต่อไป

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

จรรยาสุวรรณทัต (2534,ธันวาคม) บทบาทของบิดาต่อการพัฒนาเด็กในครอบครัวไทย.วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา,5(1),3-11

ฉวีเบาทรวง. (2538) การส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบิดามารดากับทารก.ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,

สมจิตร สิทธิวงศ์ (2541). การรับรู้บทบาทของสามีในระยะที่ภรรยาตั้งครรภ์ วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลแม่และเด็ก, บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Auvenshine, M. A., & Enriquez, M. G. (1990). Comprehensive maternity nursing, Boston: Jones and Bartlett.

Chatchawet, W., Sripichyakan, K., Kantaruksa, K., Nilmanat, K. & O'Brien, A.B. (2010).“Support from Thai male partner when an unwanted pregnancy is terminated” Pacific Rim Int J Nurs Res, 14(3), 249-261.

Baron, R. A. (1989). Psychology: Essential Science. Boston: Allyn & Bacon.

Bckstrm, C., &Wahn, H. E. (2011).“Support during labor: First-time father's description of requested and received support during the birth their child” Midwifery, 27(1), 67-73.

Fenwick, J., Bayes, S., & Johansson, M., (2011). A qualitative investigation into the pregnancy experiences and childbirth expectations of Australian Father-to-be. Sexual & Reproductive Healthcare, Article in press.

Fletcher, H. Hanton., S. Mellalieu., S. D. (2006). An organizational strem review: Conceptual and theoretical inner in Compettiue apart. In: Hanton.s' Mellalieu SD, eds. Literature reviews in sport psychology. 321-373 New York: Nova Science
Women and Birth, 24(3), 129-136.

Johansson, M., Rubertsson, C., Rdestad, I., & Hildingsson, I. (2012). Childbirth: An emotionally demanding experience for fathers. Sexual & Reproductive Healthcare, 3(1), 11-20.

Kaewsarn, P., Moyle, W., & Creedy, D. (2002). Traditional Postpartum Practice among Thai Women, Journal of Clinical Nursing. 41(4), 385-366.

Ozkan, A. I., & Mete, S. (2010). Pregnancy planning and antenatal health behavior: finding from one maternity unit in Turkey. Midwifery, 26, 338-347.

Ladwig, P.W., London, M. L., & Old, S. B.(1994). Essential of maternal-newborn nursing.(3 rd ed.).Redwood City: Addison Wesley Nursing. May, K. A.(1982, November/December). Three phases of father involvement in pregnancy.Nursing
Research,3.1, 337-342. May, K. A., & Mahlmeister, L. R. (1990). Comprehensive maternity nursing.

Philadelphia: J.B.Lippincott. Pillitteri, A. (1985). Maternal-newborn nursing care of the growing family. (3 rd ed.). New York: Litte Brown. Ronsmans, C., Graham, W., (2006). Maternal mortality: Who, when, where, and why. Lancet. 2006;368:1189– 1200.

Lancet Maternal Survival Campaign Rubin, R. (1975). Maternal tasks in pregnancy. Journal of Maternal Nursing., 4(3),143 – 153.

Sapkota, S., Kobayashi, T., & Takase, M. (2012). "Husbands' experiences of supporting their wives during childbirth in Nepal”. Midwifery, 28(1), 45-51.

Sherwen, L. N., Scoloveno, M. A., & Weingarten, C. T.(1991). Nursing care of the childbearing family. NewYork: Appleton Lange. World Health Organization (WHO), (2004). UN Children's Fund.UN Population Fund. Maternal mortality in
2000: estimates developed by WHO, UNICEF, UNFPA, Geneva: World Health Organization.