การคัดแยกและวินิจฉัยเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
Main Article Content
บทคัดย่อ
นักเรียนในโรงเรียนแต่ละคนจะมี ความคิด การเรียนรู้ แรงจูงใจ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นในการจัดการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพ ผู้สอนควรทำความเข้าใจ เรื่องของความแตกต่างระหว่างบุคคล เพราะจะทำให้ผู้สอน สามารถจัดการเรียนการสอนได้เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและศักยภาพของผู้เรียน ดังนั้นสถานศึกษาจึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศักยภาพ และคุณภาพที่ดีของผู้เรียนในทุก ๆ ด้าน กล่าวคือนอกเหนือจากความก้าวหน้าด้านวิชาการแล้ว สถานศึกษายังต้องให้ความดูแลต่อการปรับตัวทางสังคม อารมณ์ และพัฒนาการด้านร่างกายของผู้เรียนด้วย ฉะนั้นในการวินิจฉัยและคัดแยกนักเรียนแต่ละคน จึงจำเป็นต้องประเมินนักเรียนทุกด้าน เพื่อที่จะได้ภาพรวมของผู้เรียนว่ามีความสามารถ หรือมีความบกพร่องด้านใด การคัดแยกและวินิจฉัยเด็กที่มีความต้องการพิเศษ แต่ละประเภทจะเริ่มตั้งแต่ การสังเกต การซักประวัติ และการใช้แบบทดสอบ ที่ไม่เป็นทางการ และการใช้แบบทดสอบที่เป็นทางการ ซึ่งเด็กที่มีความต้องการพิเศษแต่ละประเภทจะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ด้านสติปัญญา ความสามารถในการเรียนรู้ ความสามารถในการสื่อสาร รวมถึงพัฒนาการด้านร่างกาย พฤติกรรมและอารมณ์ ความแตกต่างในสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก กล่าวคือ ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้ได้ดีเท่าเทียมกับเด็กปกติ ดังนั้นจึงต้องคัดแยกและวินิจฉัยเด็กออกจากกลุ่ม เพื่อจะวางแผนการจัดการศึกษาตามศักยภาพ และความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กแต่ละประเภท และแต่ละคน ซึ่งเด็กพิเศษจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากได้รับความช่วยเหลือสนับสนุน และบริการต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
Article Details
บทความที่ปรากฏในวารสารนี้ เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ซึ่งสมาคมนักวิจัยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป การนำเสนอผลงานวิจัยและบทความในวารสารนี้ไปเผยแพร่สามารถกระทำได้ โดยระบุแหล่งอ้างอิงจาก "วารสารสมาคมนักวิจัย"
เอกสารอ้างอิง
เบญจา ชลธาร์นนท์. (2545). เอกสารทางวิชาการการตรวจสอบเด็กที่มีคงามต้องการพิเศษ. กรุงเทพมหานคร: เพทายการพิมพ์.
ผดุง อารยะวิญญู. (2543). การศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร: แว่นแก้ว.
ณัชพร ศุภสมุทร์,(2553)การบริหารจัดการเรียนร่วม โดยใช้โครงสร้างซีท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรณีศึกษา:โรงเรียนวัดอุทัยธาราม สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.
ศรียา นิยมธรรม. (2542). การวัดและประเมินผลทางการศึกษาพิเศษ. (Assessment in Special Education). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: P.A. Art & Printing.
สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ, สำนักงาน. (2555). ปัญหาสุขภาพและสุขภาวะผู้พิการ จังหวัดอำนาจเจริญ ปี2555.อำนาจเจริญ : สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ
อรนุช ลิมตศิริ. (2560). การสอนเด็กพิเศษ. พิมพ์ครั้งที่. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
McLoughlin, J. and Lewis, R. (1994). Assessing Special Students (4th ed.). New York: Macmllian College Publishing Company.
McLoughlin, J. and Lewis, R. (2005) Assessing Students with Special Needs, 7th Edition, Cleveland State University, Pearson,Out of print
Translated Thai References
Amnat Charoen Provincial Public Health Office. (2012). Health problems and well-being of people with disabilities. Amnat Charoen Province Year 2012. Amnat Charoen: Amnat Charoen Provincial Public Health Office.
Bencha Chontharanon. (2002). Academic document on examination of children with special needs. Bangkok: Zircon Printing.
Padung Arayawinyu. (2000). Education for children with special needs. 2nd edition, Bangkok: Venjeaw
Natchaporn Supasamut, (2010) Co-learning management Using a seat structure Office of the Basic Education Commission Case Study: Wat Uthaitharam School Office area Elementary education. Bangkok: Rajanukul Institute, Department of Mental Health, Ministry of Public Health.
Sriya Niyomtham (1999). Special Educational Evaluation and Evaluation. (Assessment in Special Education). 3rd edition. Bangkok: P.A. Art & Printing.
Oranuch Limtsiri. (2017). Teaching special children. Printed in Bangkok: Ramkhamhaeng University Press.