สมรรถนะหลักในการปฏิบัติงานของข้าราชการ : กรณีศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชาการกองทัพไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับสมรรถนะหลักในการปฏิบัติงานของข้าราชการ และ 2) เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาสมรรถนะหลักในการปฏิบัติงานของข้าราชการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้ตัวแบบสมรรถนะของ กพ.ร. เก็บรวบรวมข้อมูลจากข้าราชการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชากองทัพไทย จำนวน 140 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ได้แก่การวิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย แล้วนำเสนอผลสรุปเชิงพรรณา ผลการวิจัยพบว่า ระดับสมรรถะหลักของกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับสูงที่สุดคือ ด้านการทำงานเป็นทีมโดยรวมมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด โดยรายด้านพบว่าระดับปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานตามสมรรถะหลักของกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับน้อยที่สุดคือด้านการยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรม และระดับการพัฒนาสมรรถะหลักในการปฏิบัติงานที่มีระดับสูงที่สุดคือ ด้านการยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรม ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลด้านระดับการศึกษาที่แตกต่างกันมีระดับสมรรถนะหลักด้านการสั่งสมความเชี่ยวชาญในอาชีพต่างกัน ข้อค้นพบจากงานวิจัยที่สำคัญเพื่อนำไปสู่การพัฒนาสมรรถนะการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นคือ การศึกษาความต้องการของข้าราชการเพื่อนำมาเป็นสารสนเทศประกอบการกำหนดแนวทางพัฒนาการสร้างสมรรถนะของข้าราชการให้เพิ่มมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างยั่งยืน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ปรากฏในวารสารนี้ เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ซึ่งสมาคมนักวิจัยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป การนำเสนอผลงานวิจัยและบทความในวารสารนี้ไปเผยแพร่สามารถกระทำได้ โดยระบุแหล่งอ้างอิงจาก "วารสารสมาคมนักวิจัย"
เอกสารอ้างอิง
กีรติ ยศยิ่งยง. (2550). ขีดความสามารถ Competence Based Approach. กรุงเทพฯ : มิสเตอร์ก๊อปปี้.
วรรณภา ลือกิตินันท์. (2558). การประยุกต์ใช้แนวคิดสมรรถนะในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ กรณีศึกษา บริษัทผลิตยางรถยนต์ชั้นนำระดับโลกแห่งหนึ่ง. วารสารวิทยาการจัดการ, ปีที่ 32 ฉบับที่ 1, น.19-36.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน. (2553). สรุปรายละเอียดโดยสังเขปมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ พ.ศ.2557-2561. กรุงเทพฯ : สำนักงาน กพ.
สุรพงษ์ มาลี. (2556). มาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ. แนวทางการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี. สืบค้นจาก www.ocsc.go.th/sites/default/files/attachment/page/strategy03.pdf
Fong, W. & Kleiner, B. (2002). How to Hire Employees Effectively. Management Research News. 25(5), 48-57.
Guthrie, J.T. & Coddington, C.S. (2009). Reading Motivation. In K.R. Wenzel & A. Wigfield (Eds.). Handbook of motivation at school. Routledge Teylor & Francis Group.
McClelland, D.C. (1973). Testing for Competence rather than Intelligence. American Psychologist. Retrieved form http://www.ei.heygroup.com.
McKenzie, D.M. & Oskamp, S. (1995). Psychology and Sustainability : An Introduction. Journal of the Society for the Psychological Study of Social Issues, Vol.51(4), 1-14.
McNergney, R.F. & Herbert, J.M. (1998). The Case of Newcomers High School. Boston : Allyn & Bacon.
Spencer, L.M. & Spencer, M.S. (1993). Competency at Work : Models for Superior Performance. New York : John Wiley & Sons.
Translated Thai References
Office of the Civil Service Commission. (2010). Brief summary of government workforce management and development measures. 2014-2018. Bangkok : Office of the Civil Service Commission.
Luekitinun. W. (2015). Application of the competency concept in human resource management. A case study of a world-leading tire manufacturing company. Journal of Management Science, Year 32, (1)19-36.
Malee. S. (2013). Measures for management and development of government workforce. Guidelines for implementing Cabinet resolutions. Retrieved from.
Yotyingyong. K. (2007). Competence Based Approach. Bangkok: Mister Copy.