การเปิดรับข่าวสาร ความต้องการข่าวสาร การรับรู้คุณค่าตราสินค้า และการรับรู้ชื่อเสียงองค์กร กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปิดรับข่าวสาร ความต้องการข่าวสาร การรับรู้คุณค่าตราสินค้า และการรับรู้ชื่อเสียงองค์กร กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศไทย เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลในรูปแบบการศึกษาเชิงสำรวจ เพื่อวัดผลเพียงครั้งเดียว โดยศึกษานักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ที่อยู่ในพื้นที่เขตภาคตะวันออก ซึ่งได้แก่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง โดยทั้ง 2 กลุ่ม เป็นทั้งเพศชายและเพศหญิง จำนวน 400 คน ด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบโควตา และการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ โดยสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าสถิติ Chi-Square F-test / One-Way ANOVA และ Regression Analysis เพื่อทดสอบการมีอิทธิพลต่อการรับรู้ ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ร้อยละ 69.00 เป็นเพศชาย ร้อยละ 45.75 กำลังศึกษาอยู่สายวิชา สายศิลป์คำนวณ ร้อยละ 40.75 มีเกรดเฉลี่ย 3.00 -3.51 ร้อยละ 40.50 มีโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ร้อยล่ะ 80.00
มีการเปิดรับข่าวสารเกี่ยวกับ คณะนิติศาสตร์ ร้อยละ 21.50 มีการเข้าชมแพลตฟอร์ม เฟสบุ๊ค 15 - 30 นาที / ครั้ง ร้อยละ49.75 มีการเปิดรับข่าวสารของมหาวิทยาลัยเอกชน จากสื่อบุคคล ประเภทครูแนะแนว ร้อยละ 63.75 มีความต้องการข่าวสารเกี่ยวกับประเด็น การสมัครเรียน/ทุนการศึกษา ร้อยล่ะ38.0 มีการรับรู้คุณค่าตราสินค้า (brand equity) ของมหาวิทยาลัยเอกชน ด้านรวม พบว่า มีการรับรู้อยู่ในระดับรับรู้ มีการรับรู้ในส่วนของการรับรู้ชื่อเสียง (brand reputation) ของมหาวิทยาลัยเอกชน ด้านรวม พบว่า มีการรับรู้อยู่ในระดับรับรู้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ปรากฏในวารสารนี้ เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ซึ่งสมาคมนักวิจัยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป การนำเสนอผลงานวิจัยและบทความในวารสารนี้ไปเผยแพร่สามารถกระทำได้ โดยระบุแหล่งอ้างอิงจาก "วารสารสมาคมนักวิจัย"
เอกสารอ้างอิง
ชุธีภรณ์ รัตนรัตน์. (2550). การเปิดรับสื่อประชาสัมพันธ์และการตัดสินใจเลือกดาวน์โหลดเพลงผ่านเว็บไซต์ของบริษัทค่ายเพลง Love is. รายงานโครงการเฉพาะบุคคลวารสารศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการการสื่อสารภาครัฐและเอกชน), คณะวารสารศาสตร์และสื่อมวลชลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
นงค์ลักษณ์ โชติวิทยธานินทร์, และคณะ. (2560). Best Practices on Reputation Management of Higher Education Institutions in World Reputaton Rank การปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการจัดการ ชื่อเสียงของสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก. วารสารวิทยาลัยดุสิตธานี, 11(2)
นงลักษณ์ ธีรพันธ์พิชัย. (2551). การโฆษณาที่มีผลต่อการรับรู้ คุณค่าตราสินค้า: กรณีศึกษาซุปไก่สกัดตราแบรนด์. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ, วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
นทสรวง ภัทรอนุชิตกุล. (2557). การศึกษาอิทธิพลระหว่างส่วนประสมการตลาด คุณค่าตราสินค้าและความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเม็ดของผู้บริโภคเพศหญิงในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
นธกฤต วันต๊ะเมล์. (2555). การสื่อสารการตลาด. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ปิยะรัตน์ หลิวจันทร์พัฒนา. (2548). การสื่อสารในองค์การ บริษัท เอ็กซ์ปิไดเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วิจิตร อาวะกุล. (2539). การประชาสัมพันธ์หลักและวิธีปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพาณิช.
สิทธิโชค วรานุสันติกุล. (2546). จิตวิทยาสังคม: ทฤษฎีและการประยุกต์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
สุทธิลักษณ์ หวังสันติธรรม. (2548). กลยุทธ์การสร้างภาพลักษณ์ ใน เอกสารการสอนชุดวิชากลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ หน่วยที่ 5. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
โสภณ ศรีวัฒนะ. (2558). ตัวชี้วัดชื่อเสียงเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต, คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อเนก ณะชัยวงค์. (2553). การศึกษาความคิดเห็นต่อการตัดสินใจศึกษาต่อของนักศึกษาภาคปกติระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. : มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
Klapper, J. T. (1960). The effects of mass communication. New York, NY: The Free Press.
Kotler, P. (2009). Marketing Management (13th ed.). New Jersey, NJ: Prentice Hall.
Translated Thai Refernces
Awakul, V. (1996). Public relations: Principles and practices. Bangkok: Thai Wattana (in Thai)
Chotivitthanin, N., et al. (2017). Best practices on reputation management of higher education institutions in world reputation rank. Dusit Thani College Journal, 11(2) (in Thai)
Liuchanthaphatana, P. (2005). Organizational communication at Expeditors (Thailand) Co., Ltd.. Bangkok: Thammasat University Printing House. (in Thai)
Nachaiwong, A. (2010). A study of opinions on the decision to pursue undergraduate studies among regular program students at Chiang Mai Rajabhat University. Chiang Mai Rajabhat University. (in Thai)
Wanthamel N.. (2012). Marketing communication. Bangkok: Kasetsart University Press. (in Thai)
Patanuchitkul, N. (2014). A study of the influence of marketing mix, brand equity, and purchase intention of dietary supplements in tablet form among female consumers in Bangkok.
Master’s thesis in Business Administration, Kasetsart University. (in Thai)
Rattanarat, C. (2007). Media exposure and decision-making in downloading songs through Love Is music label websites. Individual project report for the Master’s degree in Journalism (Communication Management for Public and Private Sectors), Faculty of Journalism and Mass Communication, Thammasat University. (in Thai)
Sriwattana. S. (2015). Indicators of tourism city reputation in Thailand. Master’s thesis in Communication Arts, Faculty of Communication Arts, Chulalongkorn University. (in Thai)
Woranusantikun. S. (2003). Social psychology: Theory and application. Bangkok: SE- (in Thai) Wangsantitham. S. (2005). Image-building strategies (Teaching materials for Public Relations Strategies, Unit 5). Nonthaburi: Sukhothai Thammathirat Open University. (in Thai)
Theeraphanpichai, N. (2008). Advertising effects on brand equity perception: A case study of BRAND’S essence of chicken. Master's thesis in Business Administration, Faculty of Commerce, Burapha University. (in Thai)