พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ราบเชิงเขา จังหวัดนครศรีธรรมราช
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความรู้และระดับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ 2) เปรียบเทียบความแตกต่างของพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านความรู้ในการดูแลสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ได้แก่ ผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 397 คน สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ เก็บรวมรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามด้านความรู้ในการดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ เท่ากับ 0.861 และ 0.819 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เปรียบเทียบพหุคูณด้วยวิธี LSD และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้สูงอายุ ร้อยละ 44.84 มีความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองอยูในระดับปานกลาง และมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในภาพรวมอยู่ในระดับดี ( =1.99, S.D.=0.24) 2) เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างลักษณะ ส่วนบุคคลกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ พบว่า เมื่อจำแนกตามอายุ โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการออกกำลังกาย และด้านการพักผ่อน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ .01 ตามลำดับ และเมื่อจำแนกตามระดับการศึกษา โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการออกกำลังกาย และด้านการพักผ่อน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ .01 ตามลำดับ ส่วนการจำแนกตามเพศ สถานภาพสมรส และบุคคลที่ร่วมพักอาศัยไม่มีความแตกต่างกัน และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ พบว่า ความรู้ด้านโภชนาการ ด้านการออกกำลังกาย และด้านการพักผ่อน มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ในระดับต่ำ 0.341, 0.325 และ 0.350 ตามลำดับ และความรู้ด้านการป้องกันอุบัติเหตุมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ในระดับต่ำมาก 0.239 ซึ่งผลการวิจัยนี้สามารถนำใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับกำหนดนโยบาย วางแผนยุทธศาสตร์และแนวทางการในการจัดกิจกรรมด้านสุขภาพอนามัยสำหรับผู้สูงอายุในพื้นที่โซนที่ราบเชิงเขา ได้แก่ อำเภอทุ่งสง นาบอน ทุ่งใหญ่ บางขัน พระพรหม และร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
Article Details
- ผู้เขียนต้องยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กองบรรณาธิการวารสารกำหนด และผู้เขียนต้องยินยอมให้บรรณาธิการ แก้ไขความสมบูรณ์ของบทความได้ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเผยแพร่
- ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียน แต่วารสารเทคโนโลยีภาคใต้คงไว้ซึ่งสิทธิ์ในการตีพิมพ์ครั้งแรก โดยเหตุที่บทความนี้ปรากฏในวารสารที่เข้าถึงได้จึงอนุญาตให้นำบทความไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา แต่มิใช่เพื่อการพาณิชย์
เอกสารอ้างอิง
Department of Older Persons, Ministry of Social Development and Human Security. (2019). Measures to Drive the National Agenda on the Aging Society (Revised Version) (2nd ed.). Amarin Printing and Publishing Public Company Limited. [in Thai]
Green, L.W. (1980). Health Education Planning: A Diagnostic Approach. Mayfield Publishing, California.
Institute for Population and Social Research, Mahidol University. (2019). Thai Health Project 2019 (32-33). Nakhon Pathom: Institute for Population and Social Research, Mahidol University. [in Thai]
Jitsophakul, N. (2014). Factors relating to health promotion behaviors of the elderly living in Moo 6 community, of Tambon Bung San, Amphoe Onkkarak, Changwat Nakhon Nayok. Pathumthani University Academic Journal, 6(3), 171-178. [in Thai]
Kitreerawutiwong, N., & Mekrungrongwong, S. (2016). Factor influencing health behavior among elderly living in the community. Public Health of Burapha University Journal, 11(1), 63-74. [in Thai]
Kongla, M., & Kongla, C. (2015). Promotion Behaviors of the Elderly in the Tambonthahi Health Promoting Hospital Amphoe Srithat Changwat Udonthani. National Academic Conference and Research Presentation "Create and develop to advance to ASEAN Community" No. 2. 18-19 June 2015, Nakhon Ratchasima College. [in Thai]
Moolnangdeaw, R. (2015). Factors Related to Promoting Health Service to Elderly at Public Health Center 67 Thawiwatthana, Department of Health, Bangkok Metro- politan Administration. Romphruek Journal, 33 (3), 98-114. [in Thai]
Nakasaney, S. (2018). Self-healthcare behavior of the elderly in Bangkok. Rajabhat Rambhai Barni Research Journal, 12 (1), 39-48. [in Thai]
Office of the National Economic and Social Development Board. (2016). National Economic and Social Development Plan 12th ed. 2017-2021. [in Thai]
Orem, D. E., Taylor, S. G., & Renpenning, K. M. (2001). Nursing: Concepts of Practice (6th ed.). St. Louis: Mosby.
Rojpaisarnkit, K. (2016). Factors Influencing Health Promoting Behaviors of Thai Elderly: A Case Study of Middle Old Age in Samut Prakan Province. Nursing Science Chulalongkorn University Journal, 28 (3), 68-83. [in Thai]
Sangiemchit, P. (1999). Health Education. Faculty of Science and Technology, Ubon Ratchathani Rajabhat University.
Sawangsri, B., & Tangngam S. (2013). Self-healthcare of the elderly in Samchuk District, Suphanburi Province. RMUTSB Academic Journal, 1(2), 128-137. [in Thai]
The Secretariat of the House of Representatives. (2018). Elderly Society and the Driving of Thai Economy. Retrieved November 28, 2019, from http://www.parliament.go.th/ library. [in Thai]
Wongmek, N., Chongrat, K., & Dengmasa, S. (2019). Health Behaviors of Elderly in Thung Song Municipality Nakhon Si Thammarat Province. The 9th National Academic Conference on Social Innovation, 22 February 2019, Southern College of Technology, Thung Song, Nakhon Si Thammarat. [in Thai]
Yamane, T. (1973). Statistics: an Introductory Analysis (3rd ed.). New York: Harper and Row Publication.
