การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ กรณีศึกษาบ้านเจ็ดหลัง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว
คำสำคัญ:
ศักยภาพการเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน, การพัฒนาผลิตภัณฑ์, การแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมธรรมชาติบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาบริบทและศักยภาพชุมชนบ้านเจ็ดหลัง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว 2) เพื่อพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติติการแบบมีส่วนร่วม เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการประชุมระดมสมอง ด้วยเทคนิค Rapid Ideation ซึ่งผู้ให้ข้อมูลหลักคือผู้นำชุมชน ปราชญ์ชุมชนด้านการปลูกและแปรรูปมะม่วงหิมพานต์ แกนนำและสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปมะม่วงหิมพานต์บ้านเจ็ดหลังพาเพลิน เกษตรตำบล จำนวน 10 คน การคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลดำเนินการโดยปรึกษาผู้นำและสมาชิกของชุมชนบ้านเจ็ดหลัง และกลุ่มผู้ทดลองการท่องเที่ยว จำนวน 7 คน และผู้ดำเนินการระดมสมอง ประกอบด้วยคณะผู้วิจัยจำนวน 1 คน ผู้ดำเนินการสนทนา (Moderator) เป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง ใช้แนวคำถาม(Interview guide) เป็นเครื่องมือในระดมสมอง และทำการบันทึกข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเสร็จสิ้นการสนทนา หลังจากรวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว ทำการประมวลผลข้อมูลโดยจัดหมวดหมู่ข้อมูล แล้วแปลข้อมูลให้เป็นแนวคิด (concept) เพื่อเรียบเรียงตามหลักการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า 1. ชุมชนบ้านเจ็ดหลัง มีสภาพภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์มีพื้นที่อยู่ระหว่างตำบลท่าแยกและตำบลศาลาลำดวน ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองสระแก้วประมาณ 22 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์หรือจักรยานยนต์ใช้เวลาประมาณ 20 นาที อยู่ห่างจากศูนย์ราชการจังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 32 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที มีประชากรทั้งหมด 298 คน แบ่งเป็นประชากร ชาย 167 คน ประชากรหญิง 131 คน โดยประชากรส่วนใหญ่ ในหมู่บ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างทั่วไป ลักษณะพื้นที่ของหมู่บ้านเจ็ดหลัง เป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำการเกษตร เช่น ทำไร่ยูคาลิปตัส ไร่มันสำปะหลัง ไร่นา ไร่อ้อย อากาศก็จะมี 3 ฤดู คือ ฤดูฝน ฤดูร้อน ฤดูหนาว แต่ส่วนใหญ่แล้วอากาศจะร้อนและค่อนข้างจะแห้งแล้งเป็นส่วนมาก ชุมชนบ้านเจ็ดหลังเริ่มปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 โดยได้รับพันธุ์มาจากโครงการอีสานเขียว แรกเริ่มนำมาปลูกบริเวณหัวไร่ปลายนาเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและเพิ่มพื้นที่ป่าปุมชนต่อมามีผลผลิตรสชาติดีและขายได้ราคามีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงชุมชน จึงขยายพื้นที่ปลูกจนปัจจุบันมีพื้นที่การปลูกเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนกว่า 500 ไร่ และได้มีการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเจ็ดหลังพาเพิลนเพื่อเป็นแหล่งรับซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์และแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบครบวงจรภายในชุมชนเ แก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดและการถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ชุมชนบ้านเจ็ดหลังมีจุดดึงดูดในชุมชนที่ต้องการพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ได้แก่ 1) โคกหนองนาพาเพลิน 2) สวนมะม่วงหิมพานต์ 3) สวนป่าพาเพลิน 4) ฝายมีชีวิต และ5) ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนบ้านเจ็ดหลังพาเพลิน 2. เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมธรรมชาติ ได้เส้นทางการท่องเที่ยวจำนวน 1 เส้นทาง 5 กิจกรรม ผลการระดมสมองต่อเส้นทางการท่องเที่ยวฯ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 40-60 ปี อาชีพ รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ การศึกษาระดับปริญญาตรี
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะในด้านพื้นที่ ว่า ชุมชนควรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมธรรมชาติอย่างเป็นรูปธรรม ควรมีการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ และสิ่งอำนวยความสะดวก การเข้าถึง และด้านการรักษาความปลอดภัยอย่าง เป็นระบบ มีมาตรฐาน ทั้งนี้ผู้บริหารส่วนงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรมีนโยบายในการสนับสนุนในด้านงบประมาณ และความร่วมมือ นักวิจัยควรเพิ่มการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับสู่การรับรองมาตรฐาน และพัฒนารูปแบบการปลูกและการแปรรูปเพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้กับชุมชน
คำสำคัญ: ศักยภาพการเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมธรรมชาติ