ฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนและฤทธิ์คุมกำเนิดของกวาวเครือขาว ที่เก็บไว้เป็นเวลา 30 ปี ในหนูขาว
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ได้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนและฤทธิ์คุมก าเนิดของผง
ละเอียดแห้งจากหัวกวาวเครือขาว (Pueraria mirifica) ที่เก็บไว้เป็นเวลา 30 ปี (PM) ในหนูขาวเพศเมีย การวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 เป็นการตรวจสอบฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนของกวาวเครือขาว โดยป้อนผงละเอียดแห้งจากหัวกวาวเครือขาว 3 ขนาด (25 50 และ 100 มก./ตัว/วัน) ให้แก่หนูขาวที่ตัดรังไข่ เป็นเวลา 4 วันติดต่อกัน ซึ่งได้แบ่งหนูทดลองออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 7 ตัว แล้วพิจารณาจากน้ำหนักมดลูกสด แห้ง และปริมาณของเหลวในมดลูก เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ตอนที่ 2 เป็นการตรวจสอบฤทธิ์คุมก าเนิดของกวาวเครือขาว โดยได้ป้อนผงละเอียดแห้งจากหัวกวาวเครือขาว ในขนาด 100 มก./ตัว/วัน ให้แก่หนูขาวตัวเมียทุกวัน ในขณะที่ได้ปล่อยให้อยู่รวมกันกับหนูตัวผู้ (ตัวผู้ : ตัวเมีย จำนวน 1 : 2 ตัว/กรง) เป็นเวลา 14 วัน แล้วจึงแยกตัวเมียออก เลี้ยงต่อไปอีก 21 วัน สังเกตการตั้งท้องในระหว่างการเลี้ยงและบันทึกจ านวนลูกหนูที่เกิด หากหนูไม่คลอดในระหว่างการเลี้ยง จะทำการผ่าตัดเพื่อตรวจการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก โดยพิจารณาผลการตั้งท้องและจ านวนลูกที่เกิดเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ผลการวิจัยพบว่า ผงกวาวเครือขาวที่เก็บไว้เป็นเวลา 30 ปีนั้น ยังคงมีฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนอยู่โดยพบว่าน้ำหนักมดลูกสด น้ำหนักมดลูกแห้ง และปริมาณของเหลวในมดลูกหนูขาวที่ตัดรังไข่ ของกลุ่มที่ได้รับกวาวเครือขาวมีค่ามากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนฤทธิ์คุมกำเนิดพบว่า กวาวเครือขาวที่เก็บไว้เป็นเวลา 30 ปี ยังคงสามารถแสดงฤทธิ์คุมก าเนิดหนูขาวได้ โดยได้พบว่าหนูขาวที่ได้รับกวาวเครือขาวยังคงมีการตั้งท้องอยู่ คิดเป็นร้อยละ 40
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. 2551. คู่มือการใช้สมุนไพร ไทย-จีน. องค์การ
ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์, กรุงเทพฯ.
กิตติ ลี้สยาม. 2556. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสมุนไพร. แหล่งข้อมูล: http://www.stou.ac.th
/Schools/Shs/booklet/book56_1/thai.htm. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2559.
ยุทธนา สมิตะสิริ. 2530. การตรวจสอบฤทธิ์เอสโตรเจนและฤทธิ์คุมกำเนิดของกวาวเครือขาวปีที่เก็บใน
หนูขาว. รายงานการวิจัยหน่วยวิจัยกวาวเครือ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.
_______. 2531. การตรวจสอบฤทธิ์เอสโตรเจนและฤทธิ์คุมกำเนิดของกวาวเครือขาวที่เก็บไว้เป็นเวลา
ปี ในหนูขาว.รายงานการวิจัยหน่วยวิจัยกวาวเครือ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.
_______. 2546. การถ่ายทอดเทคโนโลยีสมุนไพรกวาวเครือขาวสู่ชุมชนจังหวัดเชียงราย. สำนักวิชา
วิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, เชียงราย.
_______ . 2547. สรุปข้อมูลการศึกษากวาวเครือ. น. 44-49. ใน: ยุพิน เข็มมุกด์ (บรรณาธิการ),
ตำรายาหัวกวาวเครือของหลวงอนุสารสุนทร. ธาราทองการพิมพ์, เชียงใหม่.
ยุทธนา สมิตะสิริ และ วัชระ วงค์วิริยะ. 2540. การตรวจสอบฤทธิ์เอสโตรเจนและฤทธิ์คุมกำเนิดของ
กวาวเครือขาวที่เก็บไว้เป็นเวลา 10 ปีในหนูขาว. รายงานวิจัย ห้องปฏิบัติการวิจัยกวาวเครือ
สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, นครราชสีมา.
ยุทธนา สมิตะสิริ และ สมศรี วงค์เรือน. 2545. การตรวจสอบฤทธิ์เอสโตรเจนและฤทธิ์คุมกำเนิดของ
กวาวเครือขาวที่เก็บไว้เป็นเวลา 15 ปีในหนูขาว. รายงานวิจัยห้องปฏิบัติการวิจัยกวาวเครือ
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, เชียงราย.
วสันต์ มะโนเรือง. 2557. ฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนและฤทธิ์คุมกำเนิดของกวาวเครือขาวที่เก็บไว้เป็นเวลา
ปี ในหนูขาว. วารสารวิจัย มสด สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 7(3): 61-73.
วสันต์ มะโนเรือง และ ยุทธนา สมิตะสิริ. 2535. การตรวจสอบฤทธิ์เอสโตรเจนและฤทธิ์คุมกำเนิดของ
กวาวเครือขาวที่เก็บไว้เป็นเวลา 5 ปีในหนูขาว. น. 224. ใน: การประชุมทางวิชาการครั้งที่ 10
เทคนิคของวิธีทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพ. ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง
สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, นครปฐม.
วิชัย เชิดชีวศาสตร์. 2552. นวัตกรรมสมุนไพรกวาวเครือขาว. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
กรุงเทพฯ.
หลวงอนุสารสุนทร. 2547. สรุปข้อมูลการศึกษากวาวเครือ. น. 44-49. ใน: ยุพิน เข็มมุกด์
(บรรณาธิการ), ตำรายาหัวกวาวเครือของหลวงอนุสารสุนทร. ธาราทองการพิมพ์, เชียงใหม่.
Chansakaow, S., Ishikawa,T., Seki, H., Sekine, K., Okada,M., and Chaichantipyuth, C. 2000.
Identification of deoxymiroestrol as the actual rejuvenating principle of
"Kwao Keur", Pueraria mirifica. The known miroestrol may be an artifact.
Journal of Natural Products. 63(2): 173-175.
Ingham, J.L., Tahara, S. and Dziedzic, S.Z. 1986. A chemical investigation of
Pueraria mirifica. Zeitschrift für Naturforschung. 41c: 403-408.
_______ . 1989. Minor isoflavone from root of Pueraria mirifica. Zeitschrift für
Naturforschung. 44: 724-726.
Jones, H.E.H. and Pope, G.S. 1961. A method for the isolation of miroestrol from
Pueraria mirifica. Journal of Endocrinology. 22: 303–312.
Malaivijitnond, S., Chansri, K., Kijkuokul, P., Urasopon, N., and Cherdshewasart, W. 2006.
Using vaginal cytology to assess the estrogenic activity of phytoestrogen-rich
herb. Journal of Ethnopharmacology. 107(3): 354-360.
Malaivijitnond, S., Kiatthaipipat, P., Cherdshewasart, W., Watanabe, G., and Taya, K.
Different effects of Pueraria mirifica, a herb containing phytoestrogens,
on LH and FSH secretion in gonadectomized female and male rats. Journal of
Pharmacological Sciences. 96: 428-435.
Manoruang, W., and Smitasiri, Y. 2007. Estrogenic and antifertility effects of
Pueraria mirifica collected for 20 years in mice. In: The 3rd Global Summit
on Medicinal and Aromatic Plants. Chiang Mai University and International
Acadamic Services Center Chiang Mai, & Century Foundation Bangalore India,
Chiang Mai.
Matsumura, A., Ghosh, A., Pope, G.S., and Darbre, P.D. 2005. Comparative study of
oestrogenic properties of eight phytoestrogens in MCF7 human breast
cancer cells. Journal of Steroid Biochemistry and Molecular Biology. 94:
–443.
Phansawan, B., Sang-Arun, J., Smitasiri, Y., Puangbangpho. S. and Suttajit, M. 2003.
Antioxidative Activity of Kwao Keur. In: 3rd World Congress on Medicinal and
Aromatic Plants for Human. Lotus Hotel Pang Suan Kaew Hotel, Chiang Mai.