ผลการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาไทยของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2โดยใช้กิจกรรมการเล่านิทาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาในระดับปฐมวัยเป็นรากฐานของการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น นักเรียนจะต้องได้รับการพัฒนาทั้งทาง ด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ตามความมุ่งหมายของหลักสูตร การใช้ กิจกรรมเล่านิทานนั้น เป็นกิจกรรม ที่ช่วยพัฒนานักเรียนได้อย่างกว้างหลายด้าน กิจกรรมเล่านิทาน ยังสามารถใช้พัฒนาทักษะทางด้านภาษา ทักษะการฟัง และทักษะการพูดภาษาไทย ได้เป็นอย่างดีการวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดประสบการณ์การเล่านิทาน ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดประสบการณ์การเล่านิทาน ชั้นอนุบาลปีที่ 2 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการฟังภาษาไทยของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดประสบการณ์เล่านิทาน และ 4) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการพูดภาษาไทยของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดประสบการณ์เล่านิทาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนบ้านนางิ้ว จำนวน 19 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาไทยโดยใช้กิจกรรมการเล่านิทาน จำนวน 10 แผน 2) แบบทดสอบทักษะการฟัง จำนวน 1 ฉบับ 3) แบบทดสอบทักษะการพูด จำนวน 1 ฉบับ 4) แบบสังเกตพฤติกรรมทางภาษา จำนวน 1 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ สถิติพื้นฐาน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test Dependent Samples ผลการวิจัยพบว่า แผนการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาไทย ด้วยกิจกรรมเล่านิทาน ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.86 / 88.52 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการพูดด้วยกิจกรรมการเล่านิทาน ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.8370 หรือคิดเป็นร้อยละ 83.70 นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีทักษะการฟังก่อนเรียนและหลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีทักษะการพูดก่อนเรียนและหลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Results of Development on Listening and Speaking Thai Skills of Kindergarten 2 Students by Using Storytelling Activities.
An education of early childhood is the base of higher education. Students must be developed; body, emotion social and intelligence by curriculum purposes. Using Storytelling is a widely improve students’ activities. Storytelling can improve language skills; listening and speaking thai. The purposes of this research were: 1) To develop lesson plans to manage storytelling experience of kindergarten 2 efficiently by the cirterian of 80/80 2) To find out an effective index of storytelling management in kindergarten 2. 3) To compare listening Thai skills of kindergarten 2 students before and after storytelling experienced. 4) To compare speaking Thai skills of kindergarten 2 students before and after storytelling experienced. The sample group was 19 kindergarten 2 students in Ban Na Ngew School, the second semester of academic year 2010 by using Purposive Sampling Method. The instruments of the research were: 1) 10 Lesson plans to improve listening and speaking Thai skills 2) An accessment form of speaking Thai skills. 4) An accessment form of Thai Language behavior. The statistics used were percentage, mean, standard deviation, and t-test Dependent Samples for hypothesis testing. Finding of the research were as follow: The lesson plans to improve listening and speaking Thai Skills of kindergarten 2 were efficiency at 90.86/88.52. It was higher than the cirteria. The effective index of learning by using storytelling management to develop listening and speaking skills on early childhood students of kindergarten 2 was 0.8370 or 83.70 percents. Kindergarten 2 students had listening skills before and after activities statistically significant at .05 level. Kindergarten 2 students had speaking skills before and after activities statistically significant at .05 level too.
Article Details
รายละเอียดของลิขสิทธ์