ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทย
คำสำคัญ:
ปัจจัยที่มีอิทธิพล, ประสิทธิผลการดำเนินงาน, มหาวิทยาลัยเอกชนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับประสิทธิผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทย 2) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย อธิการบดี รองอธิการบดี คณบดีและรองคณบดี จำนวน 400 คน จาก 42 มหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณเป็นแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ระดับประสิทธิผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทยในภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อจำแนกรายด้าน พบว่าทุกด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ ความผูกพันต่อองค์การ การจัดการทรัพยากร การปรับตัวขององค์การและการบรรลุเป้าหมาย ตามลำดับ
2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทยได้แก่ 1) โครงสร้างองค์การ 2) ภาวะผู้นำ 3) กลยุทธ์ทางการบริหาร 4) งบประมาณ และ 5) คุณลักษณะของบุคลากร โดยมีประสิทธิภาพการทำนายร้อยละ 41.50
References
คม สุวรรณพิมล. (2551). การบรรลุเป้าหมาย. กรุงเทพฯ: พิฆเณศ พริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์.
ชัชฎา เกษมทรัพย์. (2551). กลยุทธ์การปรับตัวทางการจัดการของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในเขต อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, สาขาวิชาบริหารธุรกิจ, คณะวิทยาการจัดการ, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ดารุณี ธรรมประวัติ. (2555). ผลกระทบของประสิทธิผลของงบประมาณที่มีต่อการบรรลุเป้าหมายขององค์กรของธุรกิจอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ บัญชีมหาบัณฑิต, คณะการบัญชีและการจัดการ, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ธัญวรัตน์ อรคำแหง. (2556). บริบทของการจัดการคุณภาพ. สืบค้นจากhttps://www.gotoknow.org/ posts/456832
นูรีมัน ดอเลาะ. (2556). ความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์. วารสาร มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 3(3), 110-120.
ประยงค์ มีใจซื่อ. (2550). การบริหารเชิงกลยุทธ์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
พงษ์ศักดิ์ คมแก้ว. (2560). การพัฒนาประสิทธิผลการบริหารจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย. วารสารสุทธิปริทัศน, 31(99), 28-40.
เพ็ญนภา วงศ์นิติกร. (2559). ความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรมหาวิทยาลัยสวนดุสิต. วารสารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 12(3), 97-112.
รุจิราพรรณ คงช่วย. (2555). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภูมิศาสตร์ภาคใต้. วิทยานิพนธ์ (ศษ.ด.(การบริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
วารุณี บำรุงสวัสดิ์, วาโร เพ็งสวัสดิ์ และ ศิริดา บุรชาติ. (2554). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครพนม. วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม, 1(2), 39-46. สืบค้นจาก https://www.npu.ac.th/npujournal /files_research/5/54journal6.pdf
ศราวุธ ชนะบำรุง. (2557). ระบบบริหารทรัพยากรองค์กร ERP. สืบค้นจาก http://www.acn.ac.th/ articles/mod/forum/discuss.php?d=72
ศุภวรรณ หลำผาสุก. (2550). การศึกษาความผูกพันต่อองค์กรของครูโรงเรียนในเครือสารสาสน์เขตพื้นที่การศึกษา 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, คณะศึกษา ศาสตร์, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สมใจ ลักษณะ. (2552).การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน. กรุงเทพฯ: คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2550). กรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2551 - 2565). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
โสมย์สิรี มูลทองทิพย์. (2556). ความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรทีปฏิบัติงานในโรงเรียนมัธยมศึกษา อําเภอท่ามะกา. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน, คณะวิทยาการจัดการ, มหาวิทยาลัยศิลปากร.
อัญชนา พานิช. (2550). องค์ประกอบประสิทธิผลองค์การของมหาวิทยาลัยราชภัฏ. ดุษฏีนิพนธ์บริหารการศึกษาดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร.
อุทัย นกเผือก.(2554). แนวทางการพัฒนาการมีส่วนร่วมในการบริหารการศึกษาของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของกลุ่มโรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย.วิทยานิพนธ์ปริญญา ค.ม. (การบริหารการศึกษา).กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์.
Bass, B.M.(1985). Leadership and performance beyond expectations. New York: Basic Books.
Chappin, E., & Van der Lei, T. (2014). Adaptation of infrastructures to climate change: a socio-technical systems perspective. Utilities Policy, 31, 10-17.
Cummings, L. L., & Schwab, D. P. (1973). Performance in organizations: determinants and appraisal. Glenview, IL: Scott, Foresman.
Dale, E. (1969). Audio - Visual Methods in teaching (3rd ed). New York: Holt, Rinehart and Winston.
EnCarta. (1999). Encarta encyclopedia dictionary- encarta -definition & facts. Retrived from https://encata.net/
Galbraith, J. K. (1967). The new industrial state. Boston, MA: Houghton Mifflin.
Hair, J. F., Black, W. C., Babin, B. J. & Anderson, R. E. (2010). Multivariate data analysis: A global perspective (7thed.). New Jersey: Pearson Education.
Kast, F. E., & Rosenzweig, J. E. (1985). Organization and management (4th ed.). New York:McGraw-Hill.
Katz, D., & Kahn, R. L. (1978). The social psychology of organization (2nd ed.). New York: John Wiley & Sons.
Keller, R.(1980).Transformational leadership and the performance of research and development project Groups. Journal of Management, 18(3), 489-502.
Milton, C. R. (1981). Human behavior in organization: Three level of behavior. New Jersey: Prentice-Hall.
Muller, R. (1976). Kulturgeschichte der Anike I: Griechenland. Von einem Autorenkollektiv unter Leitung v. R.M. Berlin: Akademie-Verlag.
Robbins, S. P. (1993). Organization theory: The structure and design of organization. New Jersey: Prentice -Hall.
Weiten, W. (1991). Psychology applied to modern life: Adjustment in the 90s. California: Brooks Cole.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว