การพัฒนาแบบวัดสัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของนักศึกษาปริญญาตรี
คำสำคัญ:
สัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ , แบบวัดสัมพันธภาพ , นักศึกษาปริญญาตรีบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบวัดสัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของนักศึกษาปริญญาตรี 2) หาคุณภาพแบบวัดสัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของนักศึกษาปริญญาตรี และ 3) สร้างเกณฑ์ปกติแบบวัดสัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของนักศึกษาปริญญาตรี โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง นักศึกษาภาคปกติที่กำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 จากคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 820 คน โดยใช้แบบวัดสัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของนักศึกษาปริญญาตรีเป็นเครื่องมือในการวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าอำนาจจำแนกแบบวัดเป็นรายข้อ ค่าสหสัมพันธ์ และค่าความเชื่อมั่นโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค วิเคราะห์หาความตรงตามเนื้อหาของแบบวัด ด้วยการหาค่าดัชนีความสอดคล้องความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ วิเคราะห์วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ตรวจสอบความตรงของโมเดลการวัดจากความสอดคล้องกลมกลืนโมเดล และความตรงเชิงโครงสร้าง และคำนวณค่ามาตรฐานที
ผลการวิจัยสรุปได้ว่า
- แบบวัดสัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของนักศึกษาปริญญาตรีจากการศึกษา วิเคราะห์องค์ประกอบจากทฤษฎี แนวคิด และการสนทนากลุ่ม (Focus group) นักศึกษาและอาจารย์ ประกอบด้วยองค์ประกอบ 6 องค์ประกอบ คือ ด้านพฤติกรรมการสอน ด้านการเห็นคุณค่า ด้านคิดเห็นไม่ตรงกัน ด้านความเอื้ออาทร ด้านความใกล้ชิด และด้านอารมณ์ ประกอบด้วยข้อคำถาม 32 ข้อคำถาม
- คุณภาพแบบวัดสัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของนักศึกษาปริญญาตรี ผลตรวจสอบค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง 0.21 – 0.72 ค่าความเที่ยง (Reliability) อยู่ระหว่าง .90-.91 และค่าความเที่ยง ทั้งฉบับ 91 และค่าความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน พบว่าแบบวัดผ่านเกณฑ์ 32 ข้อ จำนวน 6 องค์ประกอบตรวจสอบความตรงของโมเดลพิจารณาจาก มีความสอดคล้องกลมกลืนโมเดล (Goodness-Of-Fit : GOF) χ2 = 892.17, df = 2.916, p = 0.00, GFI = 0.95, AGFI = 0.914, SRMR = 0.069 และRMSEA = 0.043 และมีความตรงเชิงโครงสร้าง มีค่าตั้งแต่ 0.793 – 0.926 ทุกองค์ประกอบผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดี
- สร้างเกณฑ์ปกติแบบวัดสัมพันธภาพศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของนักศึกษาปริญญาตรี มีคะแนนดิบตั้งแต่ 43 ถึง 160 คะแนน และคะแนนทีปกติของแบบวัดตั้งแต่ T6 ถึง T88
References
ทัศนา ทองภักดี. (2553). ความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยกับบุคลิกภาพของนิสิตปริญญาตรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (รายงานวิจัย). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.
บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. (2545). ประมวลสาระชุดวิชาการพัฒนาเครื่องมือสำหรับการประเมินผลการศึกษา (หน่วยที่ 3). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ยุทธ ไกยวรรณ์. (2551). สถิติเพื่อการวิจัย. กรุงเทพฯ: บริษัทพิมพ์ดีจำกัด.
ล้วน สายยศ, และอังคณา สายยศ. (2543). เทคนิคการวัดผลการเรียนรู้ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สุวีริยสาส์น.
วัชรินทร์ สุทธิศัย, และคณะ. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการนำนโยบายมหาวิทยาลัยราชภัฏไปปฏิบัติ : กรณีศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฏีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม.
สมนึก ภัททิยธนี. (2541). การวัดผลการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 2). กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์.
สมใจ วินิจกุล. (2552). ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการเรียนรู้ ความพึงพอใจกับความสุขในการเรียนรู้รายวิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์. วารสารเกื้อการุณย์.
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2560). สารสนเทศอุดมศึกษา. สืบค้น 26 เมษายน 2565, จาก http://www/info.mua.go.th/
สุพัตรา ผลรัตนไพบูลย์. (2550). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนช่วงชั้นที่ 3 โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สุภมาส อังศุโชติ, สมถวิล วิจิตรวรรณา, และรัชนีกูล ภิญโญภานุวัฒน์. (2552). สถิติวิเคราะห์สำหรับการวิจัยทางสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์: เทคนิคการใช้โปรแกรม LISREL (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: เจริญดีมั่นคงการพิมพ์.
สุรีพร อนุศาสนนันท์ม. (2550). การเปรียบเทียบคุณภาพของการกำหนดมาตรฐานระหว่างวิธีแองกอฟที่ได้รับการปรับปรุงกับวิธีบุ๊คมาร์ค (ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Field, J. (2004). Psycholinguistics: The Key Concepts. London: Routledge.
Gable, Robert K. (1986). Instrument development in the affective domain. Boston. MA: Kluwer–Nijhoff.
Hair, J.F., Anderson, R.E., Tatham, R.L., & Black, W.C. (1998). Multivariate Data Analysis (5th ed). Upper Saddle River, NJ: Prentice Hall.
Koome, H.Y.M., F.C. (2015). Can closeness, conflict, and dependency be used to characterize students perceptions of the affective relationship with their teacher? Testing a new child measure in middle childhood.
May, T. (1997). Social Research: Issue, Methods and Process. Open University Press, Buckingham.
Nunnally, J. C. (1967). Psychometric Theory. New York: McGraw-Hill.
Schumacker, R.E. & Lomax, R.G. (1996). A beginner’s guide to structural equation Modeling. Mahwah, NJ: Lawrence Erlbaum.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว