ศึกษาวิเคราะห์นิติปรัชญาว่าด้วยวิกาลโภชนาตามแนวโปรแกรมช่วงการอดอาหารสลับกับช่วงรับประทานอาหาร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับ Intermittent Fasting 2) เพื่อศึกษานิติปรัชญาว่าด้วยวิกาลโภชนา 3) เพื่อศึกษาวิเคราะห์นิติปรัชญาว่าด้วยวิกาลโภชนา ตามแนว Intermittent Fasting การศึกษานี้ได้ดำเนินการวิจัยเชิงคุณภาพแบบทบทวนเอกสาร (Documentary Research)
ผลการวิจัยพบว่า
1) Intermittent Fasting (IF) เป็นการอดอาหารเป็นช่วง ๆ สลับกับช่วงรับประทานอาหาร หลักการย่อ ๆ ประกอบไปด้วย การลดการนำเข้าและเพิ่มการนำออก การลดการนำเข้า ควรลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปทุกชนิดที่มีปริมาณแป้งและน้ำตาลรวมทั้งไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ในปริมาณที่สูงในทางกลับกันควรเน้นการบริโภคอาหารที่เป็นธรรมชาติแทน เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชตระกูลถั่ว เป็นต้น การเพิ่มการนำออกทำได้โดยช่วงที่อดอาหารควรอดไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงขึ้นไปเพื่อทำให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมออกมาใช้
2) หลักนิติปรัชญาว่าด้วยวิกาลโภชนาพบว่าเป็นบทบัญญัติทางพระวินัย ที่ควบคุมเกี่ยวกับประเภทของอาหารที่จัดตามกาลิกต่าง ๆ ซึ่งจำกัดทั้งในเรื่องของชนิดอาหารและเวลาที่เก็บสะสมไว้ฉันได้ และพบว่าแม้ว่าพระภิกษุจะฉันภัตตาหารได้ไม่เกินเที่ยงวันแต่สามารถฉันน้ำปานะและเภสัช 5 ได้ตลอดวัน ซึ่งการฉันลักษณะดังกล่าวมากเกินไปจึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินและเกิดโรคในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังขึ้นในพระภิกษุ พระภิกษุจึงควรปฏิบัติตามหลักโภชเนมัตตัญญุตาที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ให้พิจารณาอาหารขณะที่ฉัน เนื่องจากพบว่ามีหลักการปฏิบัติที่สอดคล้องกับการหลักการทำงานทางปรัชญาทางจิตวิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์ของสมอง จิตและพฤติกรรม เมื่อพระภิกษุปฏิบัติตามแล้วพระภิกษุจะมีสุขภาพที่ดีได้เนื่องจากสามารถควบคุมพฤติกรรมการบริโภคได้
3) ศึกษาวิเคราะห์นิติปรัชญาว่าด้วยวิกาลโภชนาตามแนว Intermittent Fasting พบว่าการฉันของพระภิกษุย้อนแย้งกับหลักการบริโภคตามแนว Intermittent Fasting เนื่องจากแม้เลยเที่ยงวันไปแล้วพระภิกษุยังฉันน้ำปานะและเภสัชห้าได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมการแพทย์. (2566). ข่าวเด่นประเด็นร้อน. [ออนไลน์] แหล่งที่มา : https://www.dms.go.th/ Content/Select_Landding_page?contentId=42432[24 กรกฎาคม 2566]
กรมควบคุมโรค. (2566). ผลักดันคนไทยใส่ใจสุขภาพปรับเปลี่ยนมุมมองลด “โรคอ้วน” [ออนไลน์] แหล่งที่มา : https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=32470&deptcode=brc [17 กรกฎาคม 2566 ]
ขุนเขา เขจรบุตร. (2561). กรรมตามสมอง (พิมพ์ครั้งที่ 19).สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี.
ภัคภร บูรณสันติกูล. (2562). 5 เทคนิคอัพเกรดสมองพัฒนาความจำ.วารสารTPAnews,275,55-57 [ออนไลน์] แหล่งที่มา : https://www.tpa.or.th/tpanews/upload/mag_content/ 152/ContentFile3077.pdf[13 กุมภาพันธ์ 2567]
มหามกุฏราชวิทยาลัย. (2557). พระไตรปิฎกอรรถกถาแปล.ฉบับฉลอง พระชนมายุ 90 พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก. (พิมพ์ครั้งที่8). เล่มที่ 4,18,20,22 นครปฐม:โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล,สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2563). ก้าวต่อไปกับการจัดการปัญหาโรคอ้วนในเด็กไทย [ออนไลน์] แหล่งที่มา https://ipsr.mahidol.ac.th/wp-content/uploads/2022/03/Report-File-618.pdf [18 พฤศจิกายน 2566 ]
Bangkokbiznews. (2567). คนไทยน้ำหนักเกินและอ้วน 48.35% ลดน้ำหนักภาวะอ้วนป้องกันโรค [ออนไลน์] แหล่งที่มา : https://www.bankokbiznews.com/health/well=being/ 1116317[17 มิถุนายน 2567]
Brandage. (2565,04 พฤษภาคม). โรคอ้วน ศัตรูร้าย ทำลายสุขภาพ. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : https://brandage.com/article/29755 [19 พฤศจิกายน 2566]
Camridge Coaching Academy. (2017). จิตวิทยาสื่อประสาทคืออะไร. [ออนไลน์]. แหล่งที่มาhttp://www.cambridgethailand.com/NLP.php[25 เมษายน 2567]
Hfocus. (2566). พบคนไทยเป็นโรคเบาหวาน 5.2 ล้านคน มีผู้ป่วยด้วยโรคอ้วนกว่า 20 ล้านคน
[ออนไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.hfocus.org/content/2023/11/28893[20 พฤศจิกายน 2566]
______.(2567). สสส.เผยพระสงฆ์ไขมันในเลือดสูง 55.4 % อาพาธด้วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง. [ออนไลน์] แหล่งที่มา https://www.hfocus.org/content/2024/05/30576 [17 มิถุนายน 2567]
Becker, M. H., & Maiman, L. A. (1975). Sociobehavioral determinants of compliance withhealth and medical care recommendations. Medical care, 10-24.
De Cabo, R., & Mattson, M. P. (2019). Effects of intermittent fasting on health, aging,
and disease. New England Journal of Medicine, 381(26), 2541-2551.
Mattson, M. P. (2005). Energy intake, meal frequency, and health: a neurobiological perspective. Annu. Rev. Nutr., 25(1), 237-260.
Kaptoge, S., Pennells, L., De Bacquer, D., Cooney, M. T., Kavousi, M., Stevens, G., ... &
Di Angelantonio, E. (2019). World Health Organization cardiovascular disease risk charts: revised models to estimate risk in 21 global regions. The Lancet global health, 7(10), e1332-e1345.
Pedersen, W. A., & Mattson, M. P. (1999). No benefit of dietary restriction on disease
onset or progression in amyotrophic lateral sclerosis Cu/Zn-superoxide dismutase mutant mice. Brain research, 833(1), 117-120.
Prentice-Dunn, S., & Rogers, R. W. (1986). Protection motivation theory and preventivehealth: Beyond the health belief model. Health education research, 1(3), 153-161.
Rosenstock, I. M. (1974). The health belief model and preventive health behavior. Health education monographs, 2(4), 354-386.
Swiatkiewicz, I.,Wozniak, A., & Taub, P. R. (2021). Time-restricted eating and metabolic
syndrome: current status and future perspectives. Nutrients, 13(1), 221.
Voss, P., Thomas, M. E., Cisneros-Franco, J. M., & de Villers-Sidani, É. (2017). Dynamic
brains and the changing rules of neuroplasticity: implications for learning and recovery. Frontiers in psychology, 8, 1657.