แนวทางการเสริมศักยภาพผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักเวสารัชชกรณธรรม 5 เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล
คำสำคัญ:
การเสริมศักยภาพ, หลักเวสารัชชกรณธรรม, ภาวะผู้นำ, องค์กรแห่งการเรียนรู้, ยุคดิจิทัลบทคัดย่อ
ความเป็นมาและวัตถุประสงค์: ยุคดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและรูปแบบการทำงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องปรับตัวเพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง หนึ่งในแนวทางสำคัญ คือ การเสริมสร้างภาวะผู้นำ
ของผู้บริหารสถานศึกษาผ่านการประยุกต์ใช้หลักเวสารัชชกรณธรรม 5 ซึ่งเป็นหลักธรรมที่เน้นความมีเมตตา
ความเสียสละ ความจริงใจ การประพฤติดี และการมีวิสัยทัศน์ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์และความต้องการในการเสริมศักยภาพผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักเวสารัชชกรณธรรม 5 และเสนอแนวทางการเสริมศักยภาพของผู้บริหารสถานศึกษาให้สามารถพัฒนาองค์กรสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลการวิจัยคาดว่าจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมกับบริบทของการศึกษาในปัจจุบัน อีกทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้หลักเวสารัชชกรณธรรม 5 ในการเสริมสร้างภาวะผู้นำเชิงคุณธรรม
วิธีดำเนินการวิจัย: การวิจัยเชิงผสานวิธี การศึกษาเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้วิจัย ได้แก่ แบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 0.92 ประชากร จำนวน 3,500 คน กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 346 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน ใช้การสุ่มแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วน โดยใช้สถานที่ตั้ง
ของสถานศึกษาเป็นชั้นของการสุ่ม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ด้านการศึกษา
เชิงคุณภาพ ใช้การสนทนากลุ่มในการศึกษา เครื่องมือ คือ แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 9 คน เป็นการเลือกแบบเจาะจงโดยมีเกณฑ์การคัดเลือก วิเคราะห์ข้อมูล โดยการวิเคราะห์เนื้อหา ตรวจสอบด้วยเทคนิคสามเส้า และนำเสนอเชิงพรรณนา
ผลการวิจัย: พบว่า 1) สถานการณ์และความต้องการการเสริมศักยภาพผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักเวสารัชช-
กรณธรรม 5 เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล อยู่ในระดับมาก ( = 4.12, S.D. = 0.57) และ 2) แนวทางการเสริมศักยภาพผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักเวสารัชชกรณธรรม 5 เพื่อพัฒนาสถานศึกษา
ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ประกอบด้วย 2.1) การส่งเสริมการบูรณาการหลักพุทธธรรมในการพัฒนาองค์กร 2.2) การสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ 2.3) การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต 2.4) การสร้างการมีส่วนร่วม และ 2.5) การพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง
ความเกี่ยวข้องกับหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา: การศึกษาเรื่อง “การเสริมศักยภาพผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักเวสารัชชกรณธรรม 5” ถือเป็นบทความที่อยู่ในกลุ่มการประยุกต์ใช้หลักพระพุทธศาสนา เพราะเป็นการประยุกต์ใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาเข้ากับการบริหารจัดการในบริบทของสถานศึกษา
ในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการนำหลักเวสารัชชกรณธรรม 5 ได้แก่ ศรัทธา ศีล พาหุสัจจะ วิริยารัมภะ และปัญญา
ซึ่งล้วนเป็นองค์ธรรมที่ส่งเสริมภาวะผู้นำเชิงพุทธ มาประยุกต์กับแนวคิดขององค์กรแห่งการเรียนรู้
สรุป: การวิจัยนี้มุ่งการเสริมศักยภาพผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักเวสารัชชกรณธรรม 5 คือ ศรัทธา เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ ศีล รักษากายวาจาให้เรียบร้อย พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ศึกษามาก วิริยารัมภะ ปรารภ ความเพียร และปัญญา
รอบรู้สิ่งที่ควรรู้ เป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล โดยเน้นการบูรณาการหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ
เอกสารอ้างอิง
Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing (5th ed.). New York, United States of America: Harper & Row.
Goleman, D. (1995). Emotional Intelligence: Why It Can Matter More Than IQ. New York, United States of America: Bantam Books.
Intagaew, P. (2019). Buddhist Ethics and Career Development for Lifelong Learning. Journal of MCU Nakhondhat, 6(10), 4658-4669.
Kanjanawasee, S. (2016). Empowerment Evaluation: Differential Perspectives. The Social Research Association of Thailand Journal, 3(1), 19-25.
Likert, R. (1967). "The Method of Constructing and Attitude Scale," in Attitude Theory and Measurement. New York, United States of America: Wiley & Son.
Nilkote, R., Singsorn, N., Saisena, N., Sukpom, T. & Papan, N. (2024). Knowledge Management and Empowering Professional Learning Communities based on Buddhist Principles: The Dimension of Suppurisa Dhamma. Journal of Innovation Research on Education and Technology (JIRET), 2(3), 1-11.
Podhisita, C. (2016). The art and science of qualitative research (7th ed.). Bangkok, Amarin Printing and Publishing.
Representative of teachers and educational personnel Person 1. (2023). Guidelines for empowering educational leaders based on the five vesarajjakarana-dhamma principles to develop educational institutions into learning organizations in the digital era. (Jantarak, S., Interviewer)
Representative of the executive Person 1. (2023). Guidelines for empowering educational leaders based on the five vesarajjakarana-dhamma principles to develop educational institutions into learning organizations in the digital era. (Jantarak, S., Interviewer)
Representative of the executive Person 2. (2023). Guidelines for empowering educational leaders based on the five vesarajjakarana-dhamma principles to develop educational institutions into learning organizations in the digital era. (Jantarak, S., Interviewer)
Representative of the executive Person 3. (2023). Guidelines for empowering educational leaders based on the five vesarajjakarana-dhamma principles to develop educational institutions into learning organizations in the digital era. (Jantarak, S., Interviewer)
Salovey, P. & Mayer, J. D. (1990). Emotional Intelligence. Imagination, Cognition, and Personality, 9(3), 185-211.
Solovic, W. S. (2007). The girl's guide to power and success. New York, United States of America: AMACOM.
Srisa-ard, B. (2011). Introduction to research (9th ed.). Bangkok, Suweeriya Sasan.
Wongwanit, S. (2019). A study on assessing needs (4th ed.). Bangkok, Chulalongkorn University Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




