วิธีวิทยาการวิจัยสำหรับพุทธศาสนศึกษา: อดีต ปัจจุบัน อนาคต

ผู้แต่ง

  • พระมหาไฮ้ ธมฺมเมธี (แซ่ฉั่ว) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

วิธีวิทยา, วิธีวิทยาการวิจัย, พุทธศาสนศึกษา, อดีต ปัจจุบัน อนาคต

บทคัดย่อ

                บทความฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาภูมิหลังวิธีวิทยาการวิจัย 2) เพื่อศึกษาวิธีวิทยาการวิจัยที่พึงประสงค์ และ 3) เพื่อนำเสนอแนวทางวิธีวิทยาการวิจัยสำหรับพุทธศาสนศึกษาในสังคมปัจจุบัน การดำเนินการวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเอกสาร โดย 1) การวิเคราะห์เชิงพรรณนา   2) การตีความหมาย และ 3) การสังเคราะห์ โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท ผลการวิจัยพบว่า ภูมิหลังวิธีวิทยาการวิจัยในพุทธศาสนศึกษาเป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาตามแบบจารีตประเพณีนิยมและตามแบบวิชาการ และในมหาวิทยาลัยเป็นการศึกษาเพื่อรับรองคุณวุฒิการศึกษา การสังเคราะห์วิธีวิทยาการวิจัยในพุทธศาสนศึกษาโดยมากจะใช้วิธีวิทยาการวิจัยเชิงคุณภาพ วิธีวิทยาการวิจัยที่พึงประสงค์ตามแนวคิดและทฤษฎีตะวันตกใช้  3 วิธีวิทยาการวิจัยคือ การวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยผสานวิธี ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนาใช้กระบวนการของอริยสัจ และแนวทางวิทยาการวิจัยในสังคมปัจจุบันมีพื้นฐานทางปรัชญาเหตุผลนิยม ปรากฏการณ์นิยม ประจักษ์นิยม และสัจจนิยม โดยมีกระบวนการของอริยสัจเป็นกระบวนการวิจัย ดำเนินการวิจัยใน 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 กระบวนการค้นหาปัญหาเป็นการคิดหัวข้อการวิจัยโดยใช้หลักการอุปนัยในการกำหนดปัญหา (ทุกข์) และสืบสาวปัญหา (สมุทัย) แล้วสรุปเป็นอุปนัย และระยะที่ 2 กระบวนการแก้ปัญหาใช้หลักการนิรนัยจากระยะที่ 1 ออกมาเป็นสมมติฐาน (นิโรธ) แล้วไปเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการแสวงหาข้อพิสูจน์ ตรวจสอบและนำมาวิเคราะห์ (มรรค) และนำไปสู่การแก้ปัญหา และผู้วิจัยขอนำเสนอรูปแบบการวิจัยเชิงพุทธใหม่ ไว้ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบการวิจัยเชิงจารีตนิยม รูปแบบการวิจัยเชิงประยุกต์ และรูปแบบการวิจัยเชิงบูรณาการ  ผลการวิจัยพบว่า  ภูมิหลังวิธีวิทยาการวิจัยในพุทธศาสนศึกษาเป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาตามแบบจารีตประเพณีนิยมและตามแบบวิชาการ เป็นการศึกษาเพื่อความเจริญงอกงามแห่งสติปัญญาโดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนามนุษย์ให้เกิดปัญญาเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์คือพระนิพพาน การศึกษาพุทธศาสนศึกษาในตะวันตกเป็นการศึกษาเชิงวิชาการ ในตะวันออกเป็นการศึกษาเชิงจารีตประเพณีนิยม และในมหาวิทยาลัยเป็นการศึกษาเพื่อรับรองคุณวุฒิการศึกษา การสังเคราะห์วิธีวิทยาการวิจัยในพุทธศาสนศึกษาโดยมากจะใช้วิธีวิทยาการวิจัยเชิงคุณภาพ วิธีวิทยาการวิจัยที่พึงประสงค์สำหรับพุทธศาสนศึกษาตามแนวคิดและทฤษฎีตะวันตกใช้ 3 วิธีวิทยาการวิจัยคือ การวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยผสานวิธี ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนาใช้กระบวนการของอริยสัจ โดยมีแนวทางการศึกษาตามหลักของพระสารีบุตรคือ ปฏิสัมภิทามรรค มหานิเทศและจูฬนิเทศ และของพระมหากัจจายนะคือเนตติปกรณ์ โดยมีแนวทางในการศึกษาคือพระไตรปิฎก อรรถกถา และปกรณ์วิเสส แนวทางวิทยาการวิจัยสำหรับพุทธศาสนศึกษาในสังคมปัจจุบันมีพื้นฐานทางปรัชญาเหตุผลนิยม ปรากฏการณ์นิยม ประจักษ์นิยม และสัจจนิยม โดยมีกระบวนการของอริยสัจเป็นกระบวนการวิจัย ดำเนินการวิจัยใน 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 กระบวนการค้นหาปัญหาเป็นการคิดหัวข้อการวิจัยโดยใช้หลักการอุปนัยในการกำหนดปัญหา (ทุกข์) และสืบสาวปัญหา (สมุทัย) แล้วสรุปเป็นอุปนัย และระยะที่ 2 กระบวนการแก้ปัญหาใช้หลักการนิรนัยจากระยะที่ 1 ออกมาเป็นสมมติฐาน (นิโรธ) แล้วไปเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการแสวงหาข้อพิสูจน์ ตรวจสอบและนำมาวิเคราะห์ (มรรค) และนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยมีรูปแบบการเขียนรายงานผลการวิจัย 5 รูปแบบ คือ (1) พระวินัยปิฎกเกี่ยวกับกฎระเบียบ ข้อห้ามและข้อบังคับ (2) พระสุตตันตปิฎกเกี่ยวกับเรื่องราวเหตุการณ์ (3) พระอภิธรรมปิฎกเกี่ยวกับหลักธรรมล้วน ๆ หรือทฤษฎี (4) อรรถกถาเกี่ยวกับการขยายความตามรูปแบบที่ 1-3 และ (5) ปกรณ์วิเสสเกี่ยวกับการศึกษาพระพุทธศาสนาโดยการอธิบายความ การพรรณนาความ การสรุปความ และการวิเคราะห์หลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา และผู้วิจัยขอนำเสนอรูปแบบการวิจัยสำหรับพุทธศาสนศึกษาเชิงพุทธใหม่ ไว้ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบการวิจัยเชิงจารีตนิยม รูปแบบการวิจัยเชิงประยุกต์ และรูปแบบการวิจัยเชิงบูรณาการ

เอกสารอ้างอิง

คณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2559). ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา. (พิมพ์ครั้งที่ 2). พระนครศรีอยุธยา: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

จูเลียน ฮักซ์ลีย์ และคณะ. (2549). วิวัฒนาการแห่งความคิด: ภาคมนุษย์และมนุษยชาติ แปลโดย จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

จูเลียน ฮักซ์ลีย์ และคณะ. (2549). วิวัฒนาการแห่งความคิด: ภาคมนุษย์และโลก. แปลโดย จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ณรงค์ โพธิ์พฤกษานันท์. (2557). ระเบียบวิธีวิจัย หลักการ แนวคิด และเทคนิคการเขียนรายงานการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร: เอ็กซเปอร์เน็ท.

พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต). (2541). พุทธธรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (2556). โยนิโสมนสิการ วิธีคิดตามหลักพุทธธรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 24). กรุงเทพมหานคร: ปัญญาประดิษฐาน.

พระมหาอดิศร ถิรสีโล. (2543). ประวัติคัมภีร์บาลี. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัย.

ไพศาล วรคำ. (2559). การวิจัยทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 8). มหาสารคาม: ตักสิลาการพิมพ์.

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2535). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

รัตนะ บัวสนธ์. (2556). ปรัชญาวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สิทธิ์ บุตรอินทร์ . (2559). ปรัชญานิพนธ์. กรุงเทพมหานคร: สยามปริทัศน์.

Donald K. et al. (2000). The State of Buddhist Studies in The World 1972-1997. Bangkok: Center for Buddhist Studies Chulalongkorn University Bangkok.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

03/31/2020

รูปแบบการอ้างอิง

ธมฺมเมธี (แซ่ฉั่ว) พ. (2020). วิธีวิทยาการวิจัยสำหรับพุทธศาสนศึกษา: อดีต ปัจจุบัน อนาคต. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(3), 322–337. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/239785

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย