ผลของกิจกรรมฝึกความคิดแบบโยนิโสมนสิการ ที่มีต่อความปรีชาเชิงอารมณ์ และฉันทะ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
คำสำคัญ:
ความปรีชาเชิงอารมณ์, ฉันทะ, โยนิโสมนสิการ, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2, กิจกรรมฝึกการคิดบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาความปรีชาเชิงอารมณ์และฉันทะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้วยกระบวนการฝึกความคิดแบบโยนิโสมนสิการ 2) เพื่อพัฒนาและนำเสนอโปรแกรมกิจกรรมฝึกความคิดแบบโยนิโสมนสิการในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อพัฒนาความปรีชาเชิงอารมณ์และฉันทะ 3) เพื่อศึกษาผลของกิจกรรมฝึกความคิดแบบโยนิโสมนสิการ (BCRP) ที่มีต่อความปรีชาเชิงอารมณ์ และฉันทะ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการฝึก กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 64 คน อายุ 13 - 14 ปี คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ Purposive Sampling แบ่งเป็น 1) กลุ่มทดลอง และ 2) กลุ่มควบคุม เครื่องมือในการวิจัยได้แก่ 1) แบบวัดความปรีชาเชิงอารมณ์ (EQ) 2) แบบวัดฉันทะ (CON) 3) ชุดกิจกรรมการฝึกความคิดแบบโยนิโสมนสิการ (BCRP) ที่มีต่อความปรีชาเชิงอารมณ์ และฉันทะ 13 ครั้ง รวม 20 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลภายในกลุ่มที่เป็นผลการทดสอบ Pretest – Posttest – Follow Up ด้วยสถิติ One - way ANOVA (Repeated Measure) และวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม เปรียบเทียบค่าคะแนนตามช่วงเวลาก่อน, หลัง และติดตามผล ด้วยสถิติ Two - way ANOVA ผลการวิจัย พบว่า โปรแกรมกิจกรรมฝึกความคิดแบบโยนิโสมนสิการ (BCRP) ที่มีต่อความปรีชาเชิงอารมณ์ และฉันทะ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สามารถพัฒนาให้ความปรีชาเชิงอารมณ์และฉันทะในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพิ่มขึ้นได้ แต่จะลดลงหากไม่ได้รับการฝึกอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถนำไปปรับใช้กับองค์กรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาให้เป็นผู้มีความคิดที่แยบคาย ส่งผลให้มีความปรีชาเชิงอารมณ์และฉันทะเพิ่มขึ้นได้
เอกสารอ้างอิง
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2549). การคิดเชิงสร้างสรรค์. กรุงเทพมหานคร: บริษัทซัคเซส มีเดีย.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). (2559). พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ผลิธัมม์.
พระมหาสมเกียรติ รตนปัญโญ. (2553). ผลของการฝึกสำรวมสติและการฝึกคิดแบบโยนิโสมนสิการต่อปรีชาเชิงอารมณ์แนวพุทธศาสนา ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนศรีอยุธยาในพระอุปถัมภ์ฯ. ใน ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วรากรณ์ พูลสวัสดิ์. (2559). จริยธรรม และทักษะชีวิต. กรุงเทพมหานคร: โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
วิญญู เถาถาวงษ์. (2558). การจัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการ. “ศึกษาศาสตร์ มมร”, 3(2), 1-12.
สถาบันราชานุกูล. (2555). กรมสุขภาพจิตเผยวิจัยพบเด็กไทยอีคิวต่ำกว่ามาตรฐาน. เรียกใช้เมื่อ 17 มิถุนายน 2555 จาก:http//www.rajanukul.go.th/new/index.php?mode=maincontent&group=225&id=151&date_start=date_end= [26
สะอาด ภิญโญศรี. (2552). การพัฒนาความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้รูปแบบการสอนแบบโยนิโสมนสิการ. ใน วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
เอกชัย จุละจาริตต์. (2548). แนวภูมิปัญญาไทย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สามลดา.
Clark, D. M. & Fairburn, C. G. (1997). Science and Practice of Cognitive Behaviour Therapy. Oxford: Oxford University Press.
Erickson, E. H. (1968). Identity: Youth, and Crisis. New York: Norton.
Gray P. (1994). Psychology. New York: Worth Publishers.
Loftus, G. R. (1976). Human Memory: The Processing of Information. New Jersey: Lawrence Erlbaum Associates.
Piaget, J., & Inhelder. (2000). The Psychology of The Child. (2nd ed.). New York: Basic Books, Inc.
Salovey, P. & Mayer, J. D. (1990). Emotional Intelligence. Imagination, Cognition, and Personality. New York: Baywood Publishing Co., Inc.
Seligmen, M. E. P., & Csikszentmihalyi, M. (2000). Positive psychology: An introductio. American Psychologist, 55(1), 5-14.
The Health Promotion Fund (NESDB). (2018). The mental health of people 4 ages. เรียกใช้เมื่อ 11 November 2018 จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/27602
Wilding, C. (2015). Cognitive Behavioural Therapy. London: Hodder and Stoushton.
Woolfolk, A. (2004). Educational Psychology. Boston: Allyn & Bacon.




