รูปแบบการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตจังหวัดกำแพงเพชร
คำสำคัญ:
รูปแบบ, การพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, สถานศึกษาขั้นพื้นฐานบทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพ และปัญหา ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 3) เพื่อประเมินรูปแบบการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 4) เพื่อจัดทำคู่มือและประเมินการใช้รูปแบบการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ จากการสำรวจ วิเคราะห์เอกสาร และการสัมภาษณ์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลได้แก่ ผู้บริหาร จำนวน 35 คน ครูผู้สอน จำนวน 319 คน สัมภาษณ์ข้อมูลจากโรงเรียนที่ประสบผลสำเร็จ 8 คน เครื่องมือที่ใช้ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง สถิติที่ใช้ ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ ผลการวิจัยพบว่า สภาพการบริหารงาน พบว่า งานวิชาการ งานงบประมาณ งานบุคลากร งานบริหารทั่วไป มีการดำเนินการตามกรอบงานของกระทรวงศึกษาธิการ และ สภาพการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีการเตรียมการ การดำเนินการ การนิเทศ ติดตาม ประเมินผล การปรับปรุง พัฒนา เผยแพร่ผลงาน มีดำเนินการแต่ไม่ต่อเนื่อง สำหรับปัญหาการบริหาร งานวิชาการ งานบุคลากร งานบริหารทั่วไป มีปัญหามาก ยกเว้น งานงบประมาณ มีปัญหามากที่สุด และปัญหาการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีปัญหามากที่สุด คือการดำเนินการ การนิเทศ ติดตามประเมินผล การปรับปรุง พัฒนา เผยแพร่ผลงาน การสร้างรูปแบบการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตจังหวัดกำแพงเพชร ได้รูปแบบ7 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) โครงสร้าง 4) กระบวนการ 5) เงื่อนไขแห่งความสำเร็จ 6) ประเมินผล 7) ผลสำเร็จของสถานศึกษา การตรวจสอบและประเมินรูปแบบ พบว่า มีความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด การจัดทำคู่มือการใช้รูปแบบและประเมินพบว่า มีความเหมาะสมมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 พร้อมกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องและพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์พัฒนาหนังสือกรมวิชาการ.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไข เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภาลาดพร้าว.
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2550). การวิเคราะห์สถิติ: สถิติสําหรับบริหารและวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จันทรานี สงวนนาม. (2545). ทฤษฎีและแนวทางปฏิบัติในการบริหารสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร: บุคพอยท์.
ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2550). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 10). นนทบุรี: ไทยเนรมิต กิจอินเตอร์ โปรเกรสซิฟ.
ทิศนา แขมมณี. (2557). ศาสตร์การสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพมหานคร: ด่านสุทธาการพิมพ์จำกัด.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรงเทพมหานคร: สุวีริยาสาส์น.
ประชุม รอดประเสริฐ. (2543). นโยบายและการวางแผนหลักการและทฤษฎี. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพมหานคร: เนติกุลการพิมพ์.
ประพันธั สุริหาร. (2542). ศัพท์เทคนิคทางการบริหาร. มหาสารคาม: อภิชาตการพิมพ์.
ปองทิพย์ เทพอารีย์ และมารุต พัฒผล. (2557). การพัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพสําหรับครูประถมศึกษา. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 6(2). 284-296 .
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช. (2551). การพัฒนาหลักสูตรและสื่อการสอนหน่วยที่ 8 -15. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
เมตต์ เมตต์การุณจิต. (2533). การบริหารจัดการการศึกษาแบบมีส่วนร่วม : ประชาชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และราชการ. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: บุ๊คพอยท์.
รองศาสตราจารย์ นราพร จันทร์โอชา. (2560). ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ. เรียกใช้เมื่อ 3 มีนาคม 2560 จาก https://www.bbc.com/thai/48694053
รัตนะ บัวสนธ์. (2552). การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: คําสมัย.
วิเชียร ไชยบัง. (28 มีนาคม 2561). การพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน. (วิสากุล กองทองนอก, ผู้สัมภาษณ์)
วิสุทธิ์ วิจิตรพัชราภรณ์. (2547). การพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาแบบกระจายอำนาจ ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานตามแนวทางพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงบประมาณ. (2546). แนวทางการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2546. กรุงเทพมหานคร: สำนักงบประมาณ.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 และ 2. (2561). สรุปผลทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) 2561. เรียกใช้เมื่อ 26 มีนาคม 2561 จาก www.SummaryONETM3_2561.pdf
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2560). กฎหมายที่เกี่ยวข้อง. เรียกใช้เมื่อ 26 มีนาคม 2560 จาก https://www.obec.go.th/archives/category/law-list
สำนักพัฒนาครูและบุคลากรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2560). คู่มือประกอบการอบรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) “ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ” สู่สถานศึกษา. เรียกใช้เมื่อ 28 มีนาคม 2561 จาก https://www.ben.ac.th/main/content/download/1/PLC.pdf
เสนาะ ติเยาว์. (2546). หลักการบริหาร. (พิมพ์ครั้งที่ 3).กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Annenberg Institute for School Reform at Brown University. (2002). School Communities That Work: A National Task Force Report on the Future of Urban Districts. RI: Brown University.
GotoKnow. (2560). แล้วนักเรียนได้อะไร ????? เรียกใช้เมื่อ 13 มีนาคม 2560 จาก https://www.gotoknow.org/posts/626042
Hammond, L. (1994). The current status of teaching and teacher developmentin theUnited States. New York: Columbia University.
Hord et al. (2010). Guiding professional learning communities. Thousand Oaks: Corwin.
McLaughlin et al. (2006). Building school-based teacher learning communities Professional strategies to improve student achievement. New York: Teacher College Press.
Sarah Reckhow. (2013). Follow the money. New York: Oxford University Press.




