คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูปฐมวัยในศตวรรษที่ 21
คำสำคัญ:
คุณลักษณะที่พึงประสงค์, ครูปฐมวัยในศตวรรษที่ 21, การจัดการเรียนรู้เด็กปฐมวัย, ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม, สมรรถนะในการปฏิบัติงานบทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับของการจัดการเรียนรู้เด็กปฐมวัย ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม สมรรถนะในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลการจัดการเรียนรู้เด็กปฐมวัย ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม สมรรถนะในการปฏิบัติงานที่มีผลต่อคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 320 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบมีสัดส่วน (Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ .992 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และแบบจำลองสมการโครงสร้าง สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้บริหารสถานศึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการศึกษาปฐมวัย และผู้ปกครองเด็กปฐมวัย จำนวน 16 ราย ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือการจัดการเรียนรู้เด็กปฐมวัย และสมรรถนะในการปฏิบัติงาน อยู่ในระดับมากที่สุด และทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมซึ่งอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ 2) การจัดการเรียนรู้เด็กปฐมวัยมีอิทธิพลโดยรวมต่อคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูปฐมวัย ในศตวรรษที่ 21 มากที่สุด รองลงมา คือทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม และสมรรถนะในการปฏิบัติงาน ตามลำดับ 3) แนวทางการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 พบว่า ควรส่งเสริมให้ครูมีการพัฒนารูปแบบและสาระการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อให้เด็กปฐมวัยได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ และครูควรพัฒนาทักษะตนเองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการควรส่งเสริมให้มีการประเมินเกณฑ์คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูเพื่อให้สอดคล้องกับยุคศตวรรษที่ 21
เอกสารอ้างอิง
คณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษา. (2561). แผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา. เรียกใช้เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2562 จาก http://www.lertchaimaster.com/doc/20180926_EduReformPlan.pdf
จริยา พิชัยคำ. (2559). ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมพัฒนาได้ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, 11(1), 1-12.
ฉัตรชัย หวังมีจงมี. (2560). สมรรถนะของครูไทยในศตวรรษที่ 21: ปรับการเรียนเปลี่ยนสมรรถนะ. Journal of HR intelligence, 12(2), 53-60.
ชัชวาลย์ เรืองประพันธ์. (2539). สถิติพื้นฐานพร้อมตัวอย่างวิเคราะห์ด้วยโปรแกรม MINITAB SPSS/PC+และ SAS. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา.
ปิยะ ศักดิ์เจริญ. (2558). ทฤษฎีการเรียนรู้ผู้ใหญ่และแนวคิดการเรียนรู้ด้วยการชี้นำตนเอง : กระบวนการเรียนรู้เพื่อการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต. วารสารทหารบก, 16(1), 8-13.
ปิยะนันท์ หิรัณย์ชโลทร. (2561). การพัฒนาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครูปฐมวัยเพื่อส่งเสริม ทักษะการคิดสำหรับเด็กอายุ 3 - 4 ปี. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 10(2), 48.
พนิดา ชาตยาภา. (2559). เทคโนโลยีกับเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์, 6(2), 151-162.
สาวรวี ศิริปริชยากร. (2558). การพัฒนาคุณลักษณะครูปฐมวัยมืออาชีพในศตวรรษที่ 21 ตามหลักสมรรถนะครูผ่านการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงาน (Project-based Learning). เรียกใช้เมื่อ 18 เมษายน 2561 จาก http://nakhonnayok.dusit.ac.th/wpcontent/uploads/2015/11/บทความวิชาการ2.59
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิก.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
Grace, J. B. (2008). Structural equation modeling for observational studies. Journal of Wildlife Management, 72(1), 14 - 22.
Partnership for 21st century skills. (2009). Framework for 21st Century Learning. Retrieved April 18 , 2018, from http://www.p21.org




