กระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจเชิงพุทธจิตวิทยา เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
คำสำคัญ:
พุทธจิตวิทยา, วิปัสสนากรรมฐานแบบสติปัฏฐาน 4, การเสริมสร้างพลังอำนาจ, พฤติกรรมสุขภาพพระสงฆ์บทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดและทฤษฎีทางพุทธจิตวิทยาและจิตวิทยาร่วมสมัยฯ 2) เพื่อพัฒนากรอบแนวคิดในการสร้างกระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจเชิงพุทธจิตวิทยาฯ และ3) เพื่อตรวจสอบความตรงของกระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจเชิงพุทธจิตวิทยาฯ เป็นงานวิจัยการวิจัยแบบผสมวิธี ได้แก่ เชิงปริมาณใช้แบบสอบถามสุ่มตัวอย่างแบบง่าย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ พระสงฆ์อาพาธที่มารับบริการตรวจรักษา แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสงฆ์ ทั้งหมดจำนวน 250 คน ใช้สถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และไค - แควร์ และเชิงคุณภาพใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ผู้ให้ข้อมูลหลัก เป็นตัวแทนของผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จิตวิทยา และการรักษาพระสงฆ์อาพาธ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ด้านพระพุทธศาสนา 2) ด้านจิตวิทยา และ 3) ด้านทีมสหสาขาวิชาชีพที่ดูแลพระสงฆ์อาพาธ ทั้งหมดจำนวน 11 รูป/คน โดยนำมาวิเคราะห์เชิงเนื้อหาและสรุปเป็นภาพรวม ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวคิดและทฤษฎี ได้แก่ 1.1 การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน 1.2 การเสริมสร้างพลังอำนาจ 1.3 ปัจจัยสนับสนุน และ 1.4 พฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์อาพาธ 2) การสร้างกระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจเชิงพุทธจิตวิทยา มี 2 ตัวแปร คือ 1) ตัวแปรภายใน ได้แก่ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และการเสริมสร้างพลังอำนาจ และ 2) ตัวแปรภายนอก ได้แก่ ปัจจัยสนับสนุน และพฤติกรรมสุขภาพพระสงฆ์ มีค่าไคสแควร์ 348.79 ที่ค่าองศาอิสระเท่ากับ 84 และค่าความน่าจะเป็น (P) เท่ากับ .00 3. การตรวจสอบความตรงของกระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจเชิงพุทธจิตวิทยา คือ อิทธิพลทางตรงจากสติปัฏฐาน 4 และปัจจัยสนับสนุน มีอิทธิพลเท่ากับ .28 และ.29 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และพฤติกรรมสุขภาพของพระสงฆ์ ได้รับอิทธิพลทางตรงจากการเสริมสร้างพลังอำนาจและปัจจัยสนับสนุน มีอิทธิพลเท่ากับ .38 และ.40 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. (2562). การตรวจคัดกรองสุขภาพพระสงฆ์. เรียกใช้เมื่อ 28 พฤษภาคม 2562 จาก www.moph.go.thopsiprg/module.php?Mod= news_print&idHot
คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลสงฆ์. (2562). รายงานประจำปี โรงพยาบาลสงฆ์. กรุงเทพมหานคร: โรงพยาบาลสงฆ์.
ทีมข่าวศาสนา. (2562). มหาเถรสมาคมประกาศขับเคลื่อน ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ แห่งชาติ พ.ศ. 2560. เรียกใช้เมื่อ 20 เมษายน 2562 จาก https://www.thairath.co.th/news /local /1340087
นิภาพรรณ อธิคมานนท์. (2554). ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ใน วิทยานิพนธ์สาธารณสุข ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสาธารณสุขศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย เล่ม 2. กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาการพิมพ์.
พระมนตรี อาภทฺธโร (คนทรงแสน). (2560). การเจริญสติปัฏฐาน 4 กับการพัฒนาปัญญาญาณ ตามหลักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ). ใน วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พลกฤษณ์ โชติศิริรัตน์. (2554). การศึกษาเชิงวิเคราะห์การรักษาโรคด้วยวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวทางของพระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม). ใน วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชพระพุทธศาสนา. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มติชน. (2562). สาธารณสุขเผย 3 โรคเรื้อรังในพระสงฆ์ ‘ความดัน - ไขมัน - เบาหวาน’. เรียกใช้เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2562 จาก https://www.matichon.co.th/local/ quality-life/news_1368979
ศศิกานต์ ศรีมณี และคณะ. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารของพระภิกษุสงฆ์ และพฤติกรรมถวายภัตตาหารของประชาชนในเขตภาษีเจริญ. ใน รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยสยาม.
สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. (2546). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: บริษัทเฟื่องฟ้า พริ้นติ้ง จำกัด.
Cronbach L J. (1990). Essentials of psychological testing. New York: Publishers.
Gibson, C.H. (1995). The process of empowerment in mothers of chronically ill children. Journal of Advanced Nursing, 21(1), 201 - 212.
Krejcie, R.V. & Morgan, D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607 - 610.




