รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะตามสายงาน ของพนักงานรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน

ผู้แต่ง

  • ชุติกาญจน์ ฉลาดสกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • ขวัญมิ่ง คำประเสริฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • คฑาวุฒิ สังฆมาศ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • ปิยะดา จุลวรรณา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

คำสำคัญ:

รูปแบบการพัฒนา, สมรรถนะ, พนักงานรักษาความปลอดภัย, ภาคเอกชน

บทคัดย่อ

               บทความวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับสมรรถนะตามสายงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน 2) เปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่มีผลต่อสมรรถนะตามสายงานของพนักงานรักษาความปลอดภัย และ 3) ศึกษาสภาพปัญหาสมรรถนะตามสายงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ พนักงานรักษาความปลอดภัยในเขตกรุงเทพมหานคร โดยการคำนวณด้วยสูตร Taro Yamane ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน และกลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์เชิงลึก ได้แก่ ผู้มีบทบาททำหน้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจรักษาความปลอดภัย จำนวน 7 คน และผู้มีบทบาททำหน้าที่เป็นผู้จัดการของแต่ละบริษัท จำนวน 30 คน และกลุ่มผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่ม จำนวน 6 คน เพื่อประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะตามสายงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ซึ่งทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ผ่านโปรแกรมสำเร็จรูป เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เชิงลึก ผลการวิจัยพบว่า  1) พบว่า ระดับสมรรถนะด้านความรู้ ด้านคุณลักษณะ อยู่ในระดับน้อย ส่วนสมรรถนะ ด้านทักษะอยู่ในระดับปานกลาง 2) พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลด้านเพศ และอายุงาน ไม่มีความแตกต่างกับสมรรถนะตามสายงาน ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุ การศึกษา และรายได้ มีความแตกต่างในด้านภาพรวม และด้านทักษะ ส่วนด้านสถานะภาพมีความแตกต่างในด้านภาพรวม และ 3) พบว่า สภาพปัญหาและอุปสรรคในการทำงานส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากพนักงานยังขาดความเอาใจใส่ในการปฏิบัติหน้าที่ และได้นำแนวคิด SWOT และเทคนิค Tows Matrix เพื่อมาวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา พบว่า ด้านระบบการบริหารที่ไม่ได้เสริมสร้างให้เกิดมาตรฐานและประสิทธิภาพ และด้านนโยบายในเรื่องงบประมาณที่จำกัด

เอกสารอ้างอิง

ณัฎฐ์ชนินท์ พยัคฆชาติ และกฤช จรินโท. (2558). สมรรถนะอาชีพรักษาความปลอดภัยที่มีอิทธิพลต่อความภักดีที่มีผลต่อบริษัท รักษาความปลอดภัย ดวงพรดี จํากัด. ใน โปสเตอร์นำเสนอ การประชุมวิชาการ. มหาวิทยาลัยบูรพา.

บุญเรียง ขจรศิลป์. (2543). วิธีวิจัยทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: พี.เอ็น.การพิมพ์.

พงษ์กฤษณ์ มงคลสินธุ์ และคณะ. (2552). การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนามาตรฐานอาชีพรักษาความปลอดภัย. กรุงเทพมหานคร: คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ .

พิรพัฒน์ วรรณ์แสงแก้ว และคณะ. (2556). การพัฒนารูปแบบการประเมินผลการปฏิบัติงานโดยใช้สมรรถนะเป็นฐานเพื่อการพัฒนาพนักงานในธุรกิจรักษาความปลอดภัย. วารสารคุรุศาสตร์, 42: ฉบับพิเศษ (กันยายน), 18-32.

โพสต์ทูเดย์. (2562). จัดระเบียบ รปภ เมื่อวุฒิการศึกษาสำคัญกว่าประสบการณ์ชีวิต. เรียกใช้เมื่อ 14 ธันวาคม 2562 จาก https://www.posttoday.com/politic/report /425934)

อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์. (2548). Competency dictionary. กรุงเทพมหานคร: เอช อาร์ เซ็นเตอร์.

Chaiyachai, R. (2010). Social learning theory and stone-throwing behavior: the measure of crime prevention crime control and crime solving. In Master of Sociology Thesis Criminology and Justice. Chulalongkorn University.

International Crime Threat Assessment. (2017). Chapter V: The Future of International Crime. Washington, DC: US Government Printing Office.

Khantee, P. et al. (2015). Criminology theory: principles Research and Applied Policy. Bangkok: S. Charoen Printing. (In Thai).

Likert, R. A. (1932). Technique for the Measurement of Attitude. Archives Psychological, 3(1), 42-48.

Porter, M. E. . (1985). Value chain Analysis Competitive Advantage. New York: Free Press.

Thairath Online. (2019). Collecting single invasions, hijacking money, Lotus, Chonburi Unemployed claims – gambling. Retrieved September 23, 2019, from https://www.thairath.co.th/content/461955

Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row Publication.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

06/25/2020

รูปแบบการอ้างอิง

ฉลาดสกุล ช., คำประเสริฐ . ข. ., สังฆมาศ . ค. ., & จุลวรรณา ป. (2020). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะตามสายงาน ของพนักงานรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(6), 245–260. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/241231

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย